รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
17 ธันวาคม 2564 ( 09:06 )
219

ทันหุ้น - บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดตลาดอยู่ในโหมดเดินหน้าต่อ แต่ความร้อนแรงจะลดลง เนื่องจากตลาดมีการตอบรับผลการประชุม FOMC ไปแล้ว เป้าหมายสิ้นปียังมอง ดัชนีฯ ที่ 1650-60 จุด ความกังวล Omicron ลดลง Fed มีนโยบายการเงินออกมาแล้ว ทำให้นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น อาจจะเป็นหุ้นที่งบดี หรือมีปันผลดี (เราชอบ PTT, TISCO, ASP, TVO สำหรับการซื้อเพื่อเก็งเงินปันผล)

 

Sector ที่คาดจะล้อไปกับเศรษฐกิจ(ฟื้นตัว) คือ กลุ่มแบงก์ และปิโตรเครมี ได้แก่ หุ้น KTB, KBANK, IVL และ PTTGC Event วันนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อ EU, ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น และ FTSE SET Series

 

ทั้งนี้ ตลาดน่าจะยังได้แรงซื้อส่งท้ายปี หลังผ่าน Event ใหญ่ไปหมดแล้ว และ Omicron ไม่ได้รุนแรงมากขึ้น แต่เรายังแนะให้เลี่ยงหุ้นอิงท่องเที่ยวที่ยังถูกกระทบจาก Omicron ไปก่อนในระยะนี้ มีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะเข้าคำนวน SET50-SET100 ที่คาดจะประกาศวันนี้ คือ TIPH, HANA, TIDLOR และ BANPU แต่หากประกาศออกมาไม่มีชื่อติดอยู่ ก็อาจจะถูกขายทำกำไรได้ในวันจันทร์ ส่วน AOT มีการประเมินว่าอาจหลุดจาก SET50/SET100 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายต่ำกว่าเกณฑ์

พอร์ตหุ้นวันนี้นำ XPG*, SAT ออก และเพิ่ม SCB และ FORTH เข้ามาแทนพอร์ตหุ้นประกอบด้วยSCB(15%), FORTH(10%), LEO(15%), AWC*(15%), BAM(10%),IVL(10%),COM7(10%), KTB(10%)

 

Strategy Stock Pick

SCB: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 134.00 บาท) “พร้อมยืนหนึ่งด้าน Digital-Fin Tech, Valuation ยังถูก”

- รายได้ใหม่จาก Digital-Fin Tech นับตั้งแต่ปี 22 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดตั้ง บ. ร่วมทุนกับ Public Sapient ให้บริการ Digital Consulting

- Valuation ยังถูกเทียบอดีต ปัจจุบันเทรดที่ PBV เพียง 0.99X การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเชิงโครงสร้างขององค์กรเป็นบวกต่อกำไรในระยะยาว

- KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2021-2022 ที่ 3.57 หมื่น ลบ. และ 3.93 หมื่น ลบ. +31%YoY, +10%YoY ตามลำดับ

 

Technical :OTO, J

 

**บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,640-1,650 จุด ลดความร้อนแรงระยะสั้นหลังจากปรับขึ้นแรงวานนี้หลังทราบผลการประชุม FED ส่วนการประชุม BoE และ ECB โดยรวมเริ่มเห็นนโยบายที่ค่อยๆ ตึงตัวขึ้นเช่นกัน เพื่อสกัดเงินเฟ้อไม่ให้ร้อนแรงเกินไปจนเกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจ มองว่ากลุ่มที่จะได้ประโยชน์โดยตรง คือ กลุ่มธนาคารจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก รวมถึงกลุ่ม Value Play และ PE ต่ำที่จะเป็นเป้าลงทุนมากขึ้นจากแนวโน้ม Bond Yield ที่ปรับขึ้น

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงเรื่องโอมิครอน แม้ตลาดจะไม่ให้น้ำหนักนักในช่วงนี้ แต่ยังต้องติดตามในช่วงสิ้นปีว่าจะเห็นการระบาดที่น่ากังวลขึ้นหรือไม่ แต่คาดว่าเป็นปัจจัยกดดันชั่วคราวเหมือนระลอกที่ผ่านมาๆ ทำให้ระยะยาวยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index และเศรษฐกิจไทยในปี 2022 ยังแนะนำ “ถือลงทุน” ต่อเนื่องที่ให้ทยอยสะสม 2 ระดับ ได้แก่ 1,590-1,600 จุดและ 1,550-1,570 จุด ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่กระทบจาก COVID-19 จำกัดและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value Play และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงกระทบจาก COVID-19 จำกัด

หุ้นเด่นเดือนธ.ค. : BCH, JWD, MEGA, NSL, SYNEX

 

หุ้นเด่นวันนี้ : PJW

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท

• เราคาดกำไร 4Q21 จะเป็นจุดสูงสุดของปี เบื้องต้นคาด +53% Q-Q, -20% Y-Y ตามการ Reopening หนุน Demand บรรจุภัณฑ์พลาสติกฟื้นตัว เราคาดกำไรปี 2021  +45% Y-Y

• ธุรกิจ Medical Plastic จะเริ่มสร้างรายได้ในปี 2022 เริ่มจากการจำหน่ายไซริงค์ล็อตแรกต้นปีโดยมี IP เป็นผู้ทำตลาดโรงพยาบาลให้ และจะเห็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเข้ามาขายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจหลักคาดฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง เราคาดกำไรปี 2022 +26% Y-Y

• แนวรับ 3.90-3.80 บาท แนวต้าน 4.10//4.20 บาท

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET มีแนวโน้มปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,650 – 1,660 โดยมีแนวรับ 1,630 -1,635แนะนำทยอยซื้อ KBANK,SCB,TTB,KTB (+ดอกเบี้ยขาขึ้น)/ CPALL,CPN(+กำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว)/ GULF,GSPC และ TIDLOR (+คาดถูกนำเข้า SET50)

 

TACC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 เติบโตขึ้นต่อเนื่อง QoQ. YoY ตามการบริโภคที่ฟื้นตัวหลังรัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้คนเข้า 7-11 มากขึ้น โดยบริษัทออกเครื่องดื่มโถกดรสชาติใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี และเตรียมวางขายสินค้าใหม่น้ำดื่มอัลคาไลน์ในช่วง ธ.ค.ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นยังสามารถบริหารจัดการได้ไม่กระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้น ทั้งนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ในปี 65 โต 10-15%YoY หนุนจากสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลาย การขยายสาขาของ 7-11 ในต่างประเทศ และการขยายช่องทางการขายนอกร้าน 7-11 ส่วนผลิตภัณฑ์กัญชงคาดชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2Q65

 

S* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 2.20 บาท) แม้รับรู้ขาดทุนสุทธิ 3Q64 ราว 212 ล้านบาท แต่รายได้ฝั่งโรงแรมและสำนักงาน ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทกว่า 79.4% เติบโตกว่า +303% YoY รวมทั้งคาดได้ประโยชน์จาก High Season ช่วงไตรมาส 4Q64 เป็นต้นไป ซึ่งในภาคการท่องเที่ยวปีนี้จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวทั้งในส่วนของโรงแรมในอังกฤษ มัลดีฟ รวมถึงในไทย ขณะที่มียอดขายที่รอการโอนจากการขาย Santiburi มูลค่าราว 5 พันล้านบาท ที่จะมีเข้ามารับรู้ในปี 3 ปี คือราวปี 64-66 ราว 3 พันล้านบาท

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง