รีเซต

กนง. มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.50% พร้อมขยับจีดีพีไทยปีนี้เหลือติดลบแค่ 6.6%

กนง. มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.50% พร้อมขยับจีดีพีไทยปีนี้เหลือติดลบแค่ 6.6%
ข่าวสด
23 ธันวาคม 2563 ( 16:03 )
68
กนง. มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.50% พร้อมขยับจีดีพีไทยปีนี้เหลือติดลบแค่ 6.6%

กนง.เอกฉันท์คงดอกเบี้ย - นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังมีความเสี่ยงด้านต่ำและความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า จึงยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัด เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

 

นอกจากนี้ กนง. ยังได้ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2563 จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น ที่ติดลบ 6.6% จากคาดการณ์เดิมที่ ติดลบ 7.8% จากการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้น ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.2% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.6% ก่อนจะฟื้นตัวดีขึ้นที่ระดับ 4.8% ในปี 2565 ส่วนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้นั้น มองว่าจะมีผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะมองว่าการระบาดจะอยู่ในวงจำกัด และกินระยะเวลาไม่นานเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น รวมทั้งเชื่อว่าภาครัฐจะสามารถบริหารจัดการได้

 

“ในไตรมาส 3/2563 เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 4/2563 โดยเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและดีกว่าที่คาด มาจากการบริโภคและการส่งออกเป็นสำคัญ ส่วนการระบาดของโควิด-19 นั้น เชื่อว่าจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลจะมีมาตรการควบคุมออกมา โดยจะเป็นมาตรการในลักษณะที่ตรงจุด โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้มองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มการฟื้นตัวได้ แต่ยังมีความเสี่ยงด้านต่ำสูงมากในระยะสั้น ดังนั้นหลังจากนี้จึงต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดและมาตรการจากภาครัฐที่ออกมาว่าจะเข้มข้นแค่ไหน อย่างไร” นายทิตนันทิ์ กล่าว

 

นายทิตนันทิ์ กล่าวอีกว่า ตัวเลขจีดีพีในปี 2564 ถูกปรับลดลงพอสมควร ส่วนหนึ่งมาจากสมมุติฐานเรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงเหลือ 5.5 ล้านคน จากเดิมที่ 9 ล้านคน ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า รวมถึงประสิทธิผลและการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยประเมินว่าในช่วงไตรมาส 2/2564 ประชากรของหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศสำคัญมากกว่า 30% จะเข้าถึงวัคซีน และในไตรมาส 3/2564 ประเทศนักท่องเที่ยวหลักของไทยจะเข้าถึงวัคซีนได้เกินกว่า 30% ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะเข้าถึงวัคซีนได้ประมาณ 20% ภายในสิ้นปี 2564 ส่วนปี 2565 คาดว่าภาพรวมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น

 

สำหรับความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป โดยนโยบายการเงินยังต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการทางการเงินและสินเชื่อควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและทันการณ์ ขณะที่มาตรการทางการคลังต้องพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ขาดช่วง โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ควบคู่กับการดำเนินนโยบายด้านอุปทานเพื่อปรับรูปแบบธุรกิจและยกระดับทักษะแรงงาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

 

อย่างไรก็ดี ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ รวมถึงรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการ กนง. ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ รวมถึงติดตามความเพียงพอของมาตรการภาครัฐและปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ในประเทศ ในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง