พระสงฆ์เมียนมา “ปวดใจ” ยอมทิ้งวัดหนีตาย หลังกองทัพปะทะกบฏต่อเนื่อง

พระสงฆ์เมียนมา “ปวดใจ” - วันที่ 17 ม.ค. เอเอฟพีและ สเตรตส์ไทมส์ รายงานสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในเมียนมา หลังจากกองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเกือบครบ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2564 ว่า

พระสงฆ์หลายร้อยรูปพากันอพยพจากเมืองหลอยก่อและเมืองดีม่อโซ สองเมืองใหญ่ของรัฐกะยา ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภายหลังกองทัพเมียนมากับกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลทหารยังเดินหน้าปะทะดุเดือดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่ามีประชาชนเกือบ 90,000 คนหนีตายจากเมืองหลอยก่อ ส่วนองค์กรเอ็นจีโอท้องถิ่นคาดว่ามีชาวบ้านอพยพมากถึง 170,000 คน

พระสงฆ์รูปหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าวัดราว 30 แห่งถูกทอดทิ้งและนั่นเป็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่ปกติในเมียนมาซึ่งเป็นประเทศพุทธศาสนา “เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ที่นั่น อาตมาลำบากใจจริงๆ ที่ต้องตัดสินใจหนีออกมา แต่เราต้องทำ”

พระสงฆ์ผู้ไม่เปิดเผยชื่อด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยกล่าวย้ำ และว่าเป็นหนึ่งในผู้อพยพราว 5,000 คนที่หนีข้ามไปยังรัฐทางตะวันออกของรัฐฉาน ทางตะวันออก นอกจากนี้ยังเห็นวัดอย่างน้อย 12 แห่งในเมืองดีม่อโซที่อยู่ใกล้เมืองหลอยก่อถูกทิ้งร้างไม่มีพรสงฆ์จำวัดเช่นกัน

ผู้นำชุมชนตองจีในรัฐฉานระบุว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นกลุ่มพระสงฆ์อย่างน้อย 30 รูปเดินทางมาเข้ามาในพื้นที่เพื่อขอลี้ภัย และยังมีบาทหลวงศาสนาคริสต์ราว 15 รูปที่พากันหนีตายออกจากเมืองหลอยก่อด้วย

ขณะที่ตำรวจนายหนึ่งระบุว่ากลุ่มนักรบกบฏยึดโบสถ์และบ้านหลายหลัง รวมทั้งโจมตีเรือนจำ “เมืองนี้รกร้างเหมือนสุสาน สถานการณ์ในเมืองแย่มากๆ” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว และว่ามีรถและยานพาหนะราว 600 คันแล่นออกจากเมืองในแต่ละวัน

ทั้งนี้ เมืองหลอยก่อและเมืองดีม่อโซเป็นฐานปักหลักสำคัญของกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลทหาร ซึ่งสหประชาชาติระบุว่าการต่อสู้ในรัฐกะยาเริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 และช่วงเทศกาลคริสต์มาสมีรายงานพบเหตุศพถูกเผาอย่างน้อย 35 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือเด็กเซฟเดอะชิลเดรน 2 ราย และคาดว่าเป็นการปราบปรามของกองทัพเมียนมา