‘ตลาดหลักทรัพย์ฯ’ เปิดเกณฑ์ระดมทุนกระดาน ‘ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์’ -3บริษัทเอสเอ็มอี จ่อจดทะเบียน

ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ – นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนกลยุทธ์สำคัญในการเชื่อมโยงโอกาสทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านตลาดทุนสำหรับเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สอดคล้องวิสัยทัศน์ตลาดหลักทรัพย์ฯ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” โดยที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการ LiVE Platform หรือไลฟ์ แพลตฟอร์ม เพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ความรู้ เพิ่มศักยภาพและสร้างความพร้อมให้ผู้ประกอบการ ผ่านบริการต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้บริการกว่า 4,000 ราย และมีพันธมิตร 28 รายให้บริการ
โดยล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกเกณฑ์การจดทะเบียนและการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์(LiVEx) ซึ่งมีความแตกต่างจากตลาดเซท และเอ็มเอไอ ทั้งในส่วนของคุณสมบัติของผู้ออกหลักทรัพย์ และหน้าที่ภายหลังการเข้าจดทะเบียน รูปแบบและวิธีการลงทุนสำหรับกลุ่มผู้ลงทุนที่มีความรู้ ประสบการณ์ และฐานะการเงินในระดับที่สามารถรับความเสี่ยงได้ ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด รวมถึงบทบาทการกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้แนวคิด Light-touch Supervision เพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพมีช่องทางในการระดมทุนที่กว้างขวางขึ้น โดยพัฒนาจากหลักการบาลานซ์ระหว่างการกำกับดูแลผู้ออกหลักทรัพย์ และการกำหนดบทบาทหน้าที่สำคัญให้กับนักลงทุน
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) กล่าวว่า รูปแบบตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ออกแบบขึ้นเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพที่ต้องการการเติบโต แต่ยังขาดโอกาสต่อยอดธุรกิจ ได้เข้ามาสร้างการเติบโตและก้าวไปสู่เส้นทางตลาดทุน
ภายใต้เงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากขึ้น หากเทียบกับตลาดเซท และเอ็มเอไอ โดยปี 2565 เราทำงานร่วมกับ 3 บริษัท ที่คาดว่าจะสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ช่วงไตรมาส 2/2565 และซื้อขายได้ในไตรมาส 3/2565 รวมถึงได้หารือกับหน่วยงานที่มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพในมือ อาทิ หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อสร้างการรับรู้ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีด้วย
นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัทที่จะเข้ามาระดมทุนในกระดานนี้ จะต้องมีฐานะทางการเงินอย่างใดอย่างหนึ่ง อาทิ สินทรัพย์สุทธิ ไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท รายได้ต่อปี ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท และ เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ล้านบาท หรือไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาทในกรณีที่นับรวมเงินฝาก ส่วนทุนชำระแล้วไม่ได้กำหนดไว้ ซึ่งแตกต่างจากตลาดเซทที่กำหนดทุนชำระแล้วมากกว่า 300 ล้านบาท และเอ็มเอไอ ที่ต้องมีทุนชำระแล้วมากกว่า 50 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทที่จะเข้าในในกระดานนั้น
ต้องเป็นเอสเอ็มอีขนาดกลางขึ้นไปตามนิยามของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ส่วนสตาร์ตอัพต้องมี Private Equity & Venture Capital ร่วมลงทุนด้วย โดยการยื่นคำขอและเสนอขายนั้น ไม่ต้องมีที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เสนอขายกับผู้ลงทุนตามประเภทที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด ส่วนมูลค่าการระดมทุน 10-500 ล้านบาท และระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าระดมทุนทุนที่ตั้งไว้ รวมถึงกำหนดระยะเวลาห้ามขายหุ้น 3 ปี จำนวน 55%
Tag
บทความน่าสนใจอื่นๆ
