"TOP" ราคาหุ้นดีดขึ้น โบรกฯ มองกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด
#ทันหุ้น - หุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) TOP ราคาปรับตัวขึ้น โบรกฯ ประเมิน Q4/67 กำไรดีกว่าคาด ราคาปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงจากโครงการ CFP ไปมากแล้ว
ราคาหุ้น TOP เคลื่อนไหวอยู่ที่ 26.00 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 5.69% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 486.99 ล้านบาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ส่องหุ้น TOP พลิกกลับมากำไร Q4/67 ที่ 2.8 พันลบ. ดีกว่าตลาดคาด ตามค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น GIM จากธุรกิจ Lube เพิ่มขึ้นมาก และขาดทุนสต๊อกน้ำมันลดลง
โดยกำไรทั้งปี 67 อยู่ที่ 9.9 พันลบ. EPS 4.46 บ./หุ้น จ่ายเงินปันผล 1.9 บ. คงเหลือจ่าย 2H67 อีก 0.7 บ.. ขึ้น XD 27 ก.พ.
แนวโน้มกำไรปกติ Q1/68F ลดลงมากทั้ง QoQ, YoY ตามค่าการกลั่นลดลงมาก ประกอบกับ Crude Premium เพิ่มขึ้น แรงขายหนักจากต่างชาติยังกดดัน; คงคำแนะนำ “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ลดลงเป็น 31 บ.
ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะเก็งกำไรหุ้น TOP พลิกกลับมามีกำไร Q4/67 ที่ 2.7 พันล้านบาท ดีกว่าตลาดคาดค่าการกลั่นยังแข็งแกร่ง ได้รับผลบวกจากช่วงหน้าหนาว คงราคาเป้าหมายที่ 32 บาท อิง PBV ที่ 0.4 เท่า ซึ่งเป็นระดับสมัย COVID-19 ปัจจุบันราคาหุ้น Trade ที่ 0.33 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ด้วยความกังวลในเรื่องโครงการ CPF ที่มีความล่าช้าและต้องเพิ่มงบลงทุน คาดว่าราคาหุ้นจะยัง sideway ต่อไปจากปัจจัยดังกล่าว
ทั้งนี้ TOP พลิกกลับมารายงานกำไรใน Q4/67 ที่ 2.7 พันล้านบาท ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด โดยปรับลดลง -6% YoY แต่ดีขึ้นจาก Q3/67 ที่รายงานขาดทุนที่ 4.2 พันล้านบาท เป็นผลจาก GRM ที่ปรับลดลง YoY แต่ปรับดีขึ้น QoQ และคาดว่าจะไม่มีผลขาดทนุ stock ในไตรมาสนี้มากเท่าไตรมาสก่อน
คงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท +35% YoY จากฐานปี 2567 มี stock loss ที่สูงประมาณ 6 พันล้านบาท
ประกาศจ่ายปันผล 0.7 บาทต่อหุ้น XD 27 ก.พ.
ขณะที่ บล.ดาโอ ประเมิน TOP กำไร Q4/67 สูงกว่าคาด ส่วน Q1/68 มีแนวโน้มอ่อนตัว YoY จากฐานสูง ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 36.00 บาท อิง 2568 PBV ที่ 0.47x (ประมาณ -2.25SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง )
TOP รายงานกำไรสุทธิ Q4/67 ที่ 2.8 พันล้านบาท เทียบกับ กำไร 2.9 พันล้านบาทใน Q4/66 และขาดทุน 4.2 พันล้านบาทใน Q3/67 สูงกว่า consensus และฝ่ายวิจัยคาด 18%/37% ตามลำดับ
โดยสูงกว่าฝ่ายวิจัยคาดหลักๆ จากกำไรของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (lube base oil) ที่สูงกว่าคาดและผลขาดทุนจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ กำไรลดลงเล็กน้อย YoY หลักๆจากการรับรู้ผลขาดทุนจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ในขณะที่ ฟื้นตัว QoQ ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ดีขึ้นและการรับรู้กำไรสต๊อก (stock gain net of NRV)
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าบริษัทจะเห็นกำไรที่อ่อนตัว YoY ใน Q1/68 ตามค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่ลดลง อย่างไรก็ดี เชื่อว่า downside ต่อ crack spread ในปัจจุบันจะมีจำกัดแล้ว คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้เท่าๆ เดิมที่ 9.8 พันล้านบาท ทรงตัว YoY โดยคาดว่าค่าการกลั่นทางบัญชี (accounting GRM) จะสูงขึ้นช่วยชดเชยกำไรจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่ลดลง ในขณะเดียวกัน ประเมินกำไรปี 2569 ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท (+8% YoY) ตาม market GRM ที่ดีขึ้นและ stock loss (net of NRV) ที่น้อยลง
ราคาหุ้นปรับตัวลง 52% และ underperform SET 50% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จากผลกระทบของการก่อสร้างโครงการ CFP ที่มีความล่าช้า ราคาปิดล่าสุดสะท้อน valuation ที่ไม่แพงที่ 2568 PBV 0.32x (ประมาณ -2.8SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) ทั้งนี้ แม้ฝ่ายวิจัยยังเห็นความไม่แน่นอนจากกรณีเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ CFP อยู่ แต่เชื่อว่าราคาปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงจากโครงการ CFP ไปมากแล้ว อีกทั้ง บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการ 2H67 ที่ 0.7 บาทต่อหุ้น สะท้อนอัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 2.8% โดยจะขึ้น XD ในวันที่ 27 ก.พ.2568