สิงคโปร์ 'ไม่สนับสนุน' คว่ำบาตรในเมียนมา ชี้ประชาชนจะได้รับผลกระทบที่สุด
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสิงคโปร์ได้ออกมากล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ในเมียนมาจะเป็นที่น่าตกใจ แต่ทางรัฐบาลสิงคโปร์ไม่สนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรในวงกว้าง เพื่อตอบโต้การรัฐประหารที่เมียนมา เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป
วิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์กล่าวกับรัฐสภาว่า เขาหวังว่าผู้ถูกคุมขังรวมถึงอองซาน ซูจี และประธานาธิบดีวินมินต์จะได้รับการปล่อยตัว เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถเจรจากับสภาทหารที่กำลังปกครองอยู่หลังจากการยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
บาลากริชนันกล่าวว่า สิงคโปร์มีความกังวลเกี่ยวกับการปะทะกันอย่างรุนแรงในการประท้วง การจับกุมข้าราชการ การปิดกั้นอินเตอร์เน็ตและการจัดตั้งกองกำลัง รวมไปถึงรถหุ้มเกราะที่แล่นไปตามท้องถนนภายในเมืองต่าง ๆ "สิ่งเหล่านี้เป็นการพัฒนาที่น่าตกใจ เราขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่" บาลากริชนันกล่าว "เราหวังว่าพวกเขาจะดำเนินการเร่งด่วนเพื่อยุติสถานการณ์ที่บานปลาย ไม่ควรมีการใช้ความรุนแรงกับพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ และเราหวังว่าจะมีการแก้ปัญหาอย่างสันติ"
และยังกล่าวว่าการใช้มาตรการคว่ำบาตรในวงกว้างจะส่งผลกระทบต่อประชากรในเมียนมา เนื่องจากประชาชนเมียนมานั้นกำลังเผชิญกับความยากจนที่ทวีความรุนแรงขึ้น เขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเขาได้ถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวผ่านการหารือกับคู่ค้าตะวันตกรวมถึงเยอรมนี แต่ทั้งนี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและอังกฤษเป็นหนึ่งในประเทศที่ประกาศหรือขู่ว่าจะคว่ำบาตร เพื่อตอบโต้การรัฐประหารของเมียนมา "เราไม่ควรเริ่มดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขว้างโดยทั่วไปแบบไม่เลือกปฏิบัติ เพราะคนที่จะได้รับความเดือดร้อนส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดาในเมียนมา" บาลากริชนันกล่าว
อย่างไรก็ตามสิงคโปร์เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในเมียนมา โดยข้อมูลจาก World Bank ได้ระบุว่าในปีที่ผ่านมาอันดับนักลงทุนรายใหญ่จากต่างชาติที่ลงทุนในพม่ามากที่สุดคือสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ 33.6% และสิงคโปร์ยังเป็นสมาชิกของอาเซียนอีกด้วย ทั้งนี้ประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียหนึ่งในสมาชิกได้เรียกร้องให้จัดประชุมอาเซียนเป็นกรณีพิเศษ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา
ที่มา : reuters