เจ้าหน้าที่ยามฝั่งมาเลเซีย-ไทย เดินหน้าค้นหาชาวโรฮิงญาจากเหตุเรือล่ม

สำนักงานทางทะเลและหน่วยยามฝั่งของมาเลเซียแจ้งเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า มีผู้รอดชีวิต 13 คนได้รับการช่วยเหลือในน่านน้ำมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน ขณะที่ในวันนี้ (11 พ.ย.) พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 9 ราย ในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่ทางการไทยเป็นผู้พบ 1 ราย ส่งผลให้จนถึงขณะนี้พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 27 ราย
รอมลี มุสตาฟา ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคของสำนักงานทางทะเลมาเลเซียระบุว่า ทางการมาเลเซียจะดำเนินการค้นหาต่อไปจนถึงวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไทยกล่าวว่า ทีมค้นหาจะขยายพื้นที่ปฏิบัติการรอบเกาะตะรุเตา ซึ่งเป็นบริเวณที่พบศพส่วนใหญ่
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ยามฝั่งมาเลเซียเปิดเผยว่า ผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนได้ลงเรือที่มุ่งหน้าไปยังมาเลเซียเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว และถูกย้ายไปยังเรือสองลำเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (6 พ.ย.) เรือลำหนึ่งบรรทุกผู้คน 70 คนได้ล่มลงหลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่ชะตากรรมของผู้คนประมาณ 230 คนบนเรืออีกลำยังคงไม่ชัดเจน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวมุสลิมโรฮิงญาจำนวนมากต้องเสี่ยงเดินทางด้วยเรือไม้ที่ผุพังเพื่อพยายามไปให้ถึงประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศมุสลิม รวมถึงประเทศไทย เพื่อหวังหนีการกวาดล้างในเมียนมา หรือหนีความแออัดในค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ ขณะที่เมียนมาซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ แต่ยืนยันว่าชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ไม่ใช่พลเมืองของเมียนมา แต่เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากเอเชียใต้
ขณะที่ตำรวจมาเลเซียกล่าวด้วยว่า มีรายงานว่าผู้อพยพไร้เอกสารต้องจ่ายเงินให้แก่แก๊งค้ามนุษย์คนละ 13,000 ริงกิต หรือราว 101,000 บาท เพื่อเดินทางมายังมาเลเซีย บางคนถึงกับต้องขายที่ดินเพื่อให้มีเงินมาจ่ายค่าเดินทาง ขณะที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางการมาเลเซียซึ่งไม่มีนโยบายรับรองสถานะผู้ลี้ภัยเริ่มดำเนินมาตรการผลักดันเรือผู้อพยพ และควบคุมตัวชาวโรฮิงญาตามแผนการกวาดล้างผู้อพยพที่ไม่มีเอกสาร
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
