แกร็บ ประกาศ 9 มาตรการยกระดับความปลอดภัย พร้อมส่งต่อความช่วยเหลือคนไทยรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่
แกร็บ ประกาศ 9 มาตรการยกระดับความปลอดภัย พร้อมส่งต่อความช่วยเหลือคนไทยรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ ผ่านโครงการ GrabCare 2.0 #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน
แกร็บ ประเทศไทย ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยพร้อมส่งต่อความช่วยเหลือคนไทยท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ผ่านโครงการ ‘แกร็บแคร์ 2.0 #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน’ พร้อมประกาศ 9 มาตรการสำคัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการการเดินทางและบริการจัดส่งอาหาร-พัสดุ รวมถึงแนวทางการช่วยบรรเทาความเดือนร้อนแก่กลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์ร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อย
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ แกร็บ ประเทศไทย ได้ติดตามสถานการณ์และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด เราได้ประกาศยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย ครอบคลุมทั้งบริการการเดินทางและบริการจัดส่งอาหาร-พัสดุ เพื่อขานรับนโยบายของภาครัฐในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์ร้านค้า รวมถึงผู้ใช้บริการ ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด รวมถึงได้ประกาศปรับเวลาการให้บริการในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดฯให้สอดคล้องกับการประกาศนโยบายจำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด พร้อมกันนี้ แกร็บ ประเทศไทย ยังได้ส่งต่อความช่วยเหลือไปยังผู้ประกอบการไทย พาร์ทเนอร์ร้านค้าและคนขับ ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจในการส่งมอบสิ่งของจำเป็น การเสริมสร้างทักษะดิจิทัล และการเพิ่มโอกาสในการหารายได้ให้แก่คนไทยผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ”
ทั้งนี้ แกร็บ ประเทศไทย ได้ประกาศ 9 มาตรการยกระดับความปลอดภัยและสนับสนุนการดำรงชีวิตและธุรกิจของคนไทย ประกอบด้วย
ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่
1. ตอกย้ำความปลอดภัยด้วยมาตรการจัดส่งอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless Delivery) โดยให้พาร์ทเนอร์คนขับเว้นระยะห่างกับลูกค้าอย่างน้อย 2 เมตรตลอดเวลา นำอาหารหรือพัสดุแขวนไว้หน้าประตูหรือจุดที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการรอรับอาหารที่ร้านจะต้องยืนห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตร พร้อมหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินสด โดยส่งเสริมให้ลูกค้าชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตหรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (GrabPay หรือ GrabPay Wallet) แทน
2. ยกระดับสุขอนามัยด้านอาหารด้วยสัญลักษณ์ “อาหารสะอาด รสชาติอร่อย” (Clean Food Good Taste) โดยต่อยอดความร่วมมือกับกรมอนามัย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอลด้วยการแนะนำร้านอาหารที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน ‘อาหารสะอาด รสชาติอร่อย’ (Clean Food Good Taste) พร้อมสื่อสารกับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารเพื่อกระตุ้นให้รักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยในการปรุงอาหาร เช่น การวัดอุณหภูมิและตรวจเช็คความปลอดภัยของพนักงานร้าน การสวมหน้ากากและการล้างมือ การทำความสะอาดครัวและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการเตรียมจุดรับอาหารที่เหมาะสมให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ
3. จับมือพันธมิตรภาคเอกชนพร้อมแจกอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยแก่พาร์ทเนอร์คนขับ โดยร่วมมือกับ Welcare ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เท็กซ์ไทล์เพรสทีจ จำกัด (มหาชน) (TPCORP) ในเครือสหพัฒน์ในการแจกหน้ากากอนามัย Welcare Black Edition รวมกว่า 100,000 ชิ้นให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับทั่วประเทศ และร่วมมือกับ บริษัทเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) ภายใต้แบรนด์ เดทตอล (Dettol) ในการมอบเจลล้างมือและสเปรย์แอลกอฮอลจำนวน 23,000 ชิ้นให้แก่พาร์เนอร์คนขับทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นไป รวมไปถึงความร่วมมือกับยูนิลีเวอร์ในการแจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไลฟ์บอยและหน้ากากผ้ารวม 9,000 ชิ้น โดยจะเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
4. เพิ่มความคุ้มครองผ่านประกันชีวิตและสุขภาพให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับ ผ่านความร่วมมือกับเมืองไทยประกันชีวิตในการจัดทำประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่มเพื่อคุ้มครองรายได้ให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับและพาร์ทเนอร์ผู้จัดส่งอาหาร-พัสดุ โดยมอบเงินชดเชยจำนวน 500 บาทต่อวัน สูงสุด 15 วัน เมื่อเข้าพักรักษาตัวหากป่วยเป็นโรคโควิด-19
สนับสนุนคนไทยรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่
5. สนับสนุนร้านค้าคนไทย (Local Restaurant) โดยเพิ่มช่องทางโปรโมทพาร์ทเนอร์ร้านอาหารขนาดเล็กและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านการโฆษณาบนแบนเนอร์ (Banner Ads) บนแอปพลิเคชันแกร็บ การสร้างไอคอน Support Local Restaurant บนแกร็บฟู้ดเพื่อเพิ่มการรับรู้และเข้าถึงของร้านค้าคนไทย
6. เร่งขั้นตอนการรับสมัครพาร์ทเนอร์ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเหลือเพียง 3-5 วัน (จากเดิม 7 – 10 วัน) โดยใช้การรับสมัครผ่านทางเว็บไซต์ http://www.grabmerchantth.com และเพิ่มจำนวนทีมงานรับสมัครพาร์ทเนอร์ฯขึ้นกว่าเท่าตัวเพื่อรองรับการสมัครและการเปิดร้านค้าให้เข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บฟู้ดและแกร็บมาร์ทให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้ผ่านแอปพลิเคชั่นแกร็บ
7. เปิดให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บคาร์และแกร็บแท็กซี่จำนวน 47,000 รายสามารถรับงานจัดส่งอาหารผ่านรถยนต์แทนบริการการเดินทางทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อเป็นการปลดล็อคการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับกลุ่มนี้และเพื่อพร้อมรับปริมาณการสั่งอาหารที่อาจจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการประกาศให้ผู้บริโภคกลับไปรับประทานที่บ้านในช่วงเวลา 21.00 น. ถึง 06.00 น. ในพื้นที่กทม.
8. เพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสุขอนามัย อาทิ หน้ากากอนามัย, สเปรย์แอลกอฮอล์, เจลล้างมือ ฯลฯ จากร้านค้าต่าง ๆ เช่นร้าน TopsMarket, TopsDaily, Tesco Lotus, MaxValu,Beautrium, และ OfficeMate ผ่านบริการแกร็บมาร์ท เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคในการจัดหาของใช้เพื่อสุขอนามัยและของจำเป็นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่
9. ติดอาวุธและทักษะในการประกอบอาชีพที่จำเป็น แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร-คนขับ ผ่านโครงการ GrabAcademy powered by depa สร้างอาชีพกับมือโปร ผสานความร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และพันธมิตรด้านการเรียนรู้ Klasssi powered by KBank โดยผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปที่ https://www.grabmerchantth.com/training
ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการ รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยประการใด สามารถติดต่อแกร็บ ได้ทาง ศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Customer Service) ที่หมายเลข 02-021-2530 ระหว่างเวลา 08.00 – 24.00 น. หรือผ่านศูนย์ช่วยเหลือ (Help Centre) ผ่านช่องทางออนไลน์และในแอปพลิเคชันของแกร็บ ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง