รีเซต

CRC ตั้งเป้าปี 66 รายได้รวมโตกว่า 15% อัดงบลงทุน 2.8 หมื่นลบ.

CRC ตั้งเป้าปี 66 รายได้รวมโตกว่า 15% อัดงบลงทุน 2.8 หมื่นลบ.
ทันหุ้น
6 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:42 )
18
CRC ตั้งเป้าปี 66 รายได้รวมโตกว่า 15% อัดงบลงทุน 2.8 หมื่นลบ.

#ทันหุ้น - CRC ฉายภาพความสำเร็จหลังปูพรมขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนงาน 5 ปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence พร้อมเร่งเครื่องสร้างการเติบโตในปี 2566 แบบก้าวกระโดดใน 5 กลุ่มธุรกิจเพื่อมุ่งสู่ The Next Sustainable Growth นำธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืนเตรียมทุ่มงบลงทุน28,000 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างรายได้รวม 270,000 ล้านบาทเติบโตมากกว่า 15% จากปี 2565

 

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ CRC กล่าวว่า “ปี 2565 ที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทล ได้ดำเนินแผนธุรกิจตามยุทธศาสตร์ 5 ปี CRC Retailligence และสร้างความสำเร็จในการขยายพอร์ตธุรกิจให้เติบโตทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ พร็อพเพอร์ตี้ และเฮลธ์แอนด์เวลเนสโดยสร้างรายได้รวมเติบโตมากกว่า 20% ถือเป็นผลประกอบการที่เกินเป้าที่ตั้งไว้ในปี2565”

 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เซ็นทรัล รีเทล มองเห็นสัญญาณบวกของภาคค้าปลีกและบริการในทั้ง 3 ประเทศจากสภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก การเปิดประเทศของจีนรวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวโดยเซ็นทรัลรีเทลอัดงบลงทุน28,000 ล้านบาทขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มกำลัง บนยุทธศาสตร์ CRC Retailligence ที่เพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นที่จะสร้างเซ็นทรัล รีเทล ให้เป็นเบอร์ 1 Next-Gen OmniRetailer ของเอเชีย พร้อมสร้างการเติบโตในประเทศเวียดนามอย่างก้าวกระโดด ด้วยการขยายโมเดลธุรกิจฟู้ดและศูนย์การค้าGO! ที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)ในปี 2593 ตามเจตนารมณ์การเป็น Green & Sustainable Retailองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในประเทศไทย

 

โดยเป้าหมายทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้จริงจากการสร้างปรากฏการณ์ The Next Sustainable Growthของเซ็นทรัลรีเทลผ่าน 4 กลยุทธ์หลักประกอบด้วย

 

1. Accelerate Core Leadership – เร่งสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลักในทั้ง 3 ประเทศ

 

· กลุ่มแฟชั่น : ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มแฟชั่นโดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายห้างสรรพสินค้าลักชูรี่ในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อต่อยอดธุรกิจกลุ่มแฟชั่นให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่ และเชื่อมต่อแพลตฟอร์มของห้างลักชูรี่ทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งจากทุกห้างของกลุ่มได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งเดินหน้าขยายและรีโนเวทสาขาอย่างต่อเนื่องโดยมีแผนจะเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสันอีก 2 สาขาในปีนี้

 

· กลุ่มฮาร์ดไลน์: เสริมแกร่งความเป็นผู้นำในกลุ่มฮาร์ดไลน์ของประเทศไทย ด้วยการเร่งเครื่องขยายสาขาใหม่ของไทวัสดุ และไทวัสดุ ไฮบริด ฟอร์แมท รวมอีก 10 สาขาในปีนี้

 

· กลุ่มฟู้ด :สร้างการเติบโตในเวียดนามอย่างก้าวกระโดดรวมถึงผลักดันแบรนด์ Tops ขึ้นเป็น Food Discovery &Destination และเบอร์ 1 Food Omni Retailerด้วยการขยายสาขา Topsรวมอีก 15 สาขาในปีนี้

 

· กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ : ขึ้นแท่นผู้นำศูนย์การค้า Lifestyle and Experiential Community Platformของประเทศไทยด้วยการขยายและรีโนเวทศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในปีนี้นอกจากนี้ในเวียดนามก็มีการก่อสร้างศูนย์การค้าGO! สาขาใหม่ๆ เพื่อเตรียมเปิดอีก 6-8 สาขา ในปี 2567

 

· สร้างฐานการเงินที่แข็งแกร่งบนกลยุทธ์ 3C คือ Costบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, Capexเน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน Strategic Business และเร่งขยายProven Formatและ Cash Flowขยายขีดความสามารถในการจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้มีความรวดเร็วคล่องตัวและเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้น สำหรับสร้างการเติบโตทางธุรกิจต่อไป

 

2. Reinvent Next-Gen Omni Retail-ยกระดับCRC Ecosystemให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีและระบบต่างๆ ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก มาสร้างการเติบโตแบบInclusive Growth ให้ทั้งลูกค้าแบรนด์และพาร์ทเนอร์บนแพลตฟอร์มNext-Gen Omni Retail เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุกมิติให้แก่ผู้บริโภคทั้งในด้านExperience-drivenที่เชื่อมโยงทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อการใช้AI เพื่อมอบสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าแบบSmart Retailรวมถึงการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว ตามเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยAgile Commerceและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกที่ทุกเวลาแบบMulti-Moment

 

3. BuildNew Growth Pillarsต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น โดยมีแผนเปิดตัวธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อเสริมทัพธุรกิจในประเทศไทยและเวียดนาม

 

4. Drive Partnership, Acquisition and Spin Offขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรและการทำM&Aพร้อมนำ MEB เบอร์ 1 แพลตฟอร์ม E-Book เข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไปในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นี้

 

“ทั้ง 4 กลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้เซ็นทรัล รีเทล เติบโตสู่ The Next Sustainable Growth และคาดว่าจะสร้างรายได้รวมในปี 2566 ราว 270,000 ล้านบาทเติบโตมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปตอกย้ำการเป็น Green & Sustainable Retail ผ่าน 4 กลยุทธ์ ‘ReNEW’ โดยตั้งเป้าระยะสั้นในปี 2566 ที่จะนำพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ให้ได้ 30%, ลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ 10%และลดการใช้น้ำ 10%, เพิ่มการจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสัดส่วน 20% ของสินค้าทั้งหมดและเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่าอีก 5,000 ไร่เพื่อช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกโดยเซ็นทรัล รีเทล พร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการทำทุกสิ่งที่สามารถทำได้ เพื่อส่งมอบโลกที่น่าอยู่ให้กับคนเจนเนอเรชั่นต่อๆ ไป”นายญนน์ กล่าว

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง