รีเซต

IVL ขาดทุน 10,798 ลบ. -135% ด้อยค่าเงินลงทุน Corpus Christi

IVL ขาดทุน 10,798 ลบ. -135% ด้อยค่าเงินลงทุน Corpus Christi
ทันหุ้น
23 กุมภาพันธ์ 2567 ( 17:43 )
64
IVL ขาดทุน 10,798 ลบ. -135% ด้อยค่าเงินลงทุน Corpus Christi

#IVL #ทันหุ้น - บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 2566 มีขาดทุนสุทธิ 10,797.94 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 2.06 บาท ลดลง 134.83% เมื่อเทียบกับงวดปี 2565 มีกำไรสุทธิ 31,006.08 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.39 บาท

 

สรุปผลการดำเนินงานโดยฝ่ายบริหารในปี 2566

ผลการดำเนินงานในปี 2566

- รายได้จากการดำเนินงานเท่ากับ 15.6 พันล้านเหรียญสหรั ฐ ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบปีต่อปี

- EBITDA เท่ากับ 1.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 53 เมื่อเทียบปีต่อปี

- กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจำนวน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ, เงินทุนหมุนเวียนเท่ากับร้อยละ 136

- กำไรหลักต่อหุ้นเท่ากับ 0.28 บาท และกำไรต่อหุ้นเท่ากับ -2.06 บาท

- การด้อยค่า (รายการที่ไม่ใช่เงินสด) ของสินทรัพย์ Corpus Christi จำนวน 308 ล้านเหรียญสหรัฐ (สุทธิหลังหักภาษีเท่ากับ 243 ล้านเหรียญสหรัฐ)

- เงินปันผลจ่ายระหว่างปีเท่ากับ 185 ล้านเหรียญสหรัฐ

- อัตราส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุนเท่ากับ 1.13 เท่า

บริษัทมีรายได้ 15.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566 ลดลงร้อยละ 1 7 เมื่อเทียบกับปี 2565EBITDA เท่ากับ 1.12 พันล้านเหรียญสหรัฐลดลงร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในปี 2565 และ Core EBITDA เท่ากับ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 44 เมื่อเทียบปีกับปี 2565 ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบปีก่อนหน้า) ส่งผลให้มีขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ 115 ล้านเหรียญสหรัฐ เปรียบเทียบกับกำไรจากสินค้าคงเหลือ 76 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565

 

ผลประกอบการทั้งปีได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคที่ท้าทาย โดยเรื่องที่ โดดเด่น ได้แก่ ความขัดแย้งในประเทศรัสเซียยูเครน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูง และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในทวีปยุโรปและประเทศจีน

 

ในปี 2566 กลุ่มธุรกิจ Aromatics เผชิญกับอุปสรรคสำคัญในการลดระดับสินค้าคงคลัง ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงในประเทศแถบตะวันตก และความกดดันจากอัตรากำไรของประเทศจีนที่ใช้อ้างอิงเป็นราคามาตรฐาน ปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงมูลค่า ปี 2566 ถือเป็นปีที่ท้าทาย แต่บริษัทได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อถ่วงดุลแรงกดดันจากภายนอก ส่งผลให้กระแสเงินสดอิสระเป็นบวกที่ 149 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในทางภูมิศาสตร์ ผลประกอบการของบริษัทลดลงในทั้งสามภูมิภาคโดยภูมิภาค EMEA ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดย EBIDA เปลี่ยนจากบวกเป็นติดลบในปี 2566 เนื่องมาจากแรงกดดันด้านปริมาณ อัตรากำไร และราคาพลังงานที่สูงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะต่ำกว่าปี 2565 ด้วยราคาที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

 

ปริมาณการขายของบริษัทลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยได้รับผลกระทบจำนวน 318 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก แนวโน้มการลดระดับสินค้าคงคลังที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 หลังจากห่วงโซ่อุปทานกลับมาสู่ระดับปกติ อุปทานและราคาน้ำมันดิบที่ลดลง นอกจากนี้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงอีกจากสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ในประเทศจีน และอุปสงค์ที่ชะลอตัวในทวีปยุโรป ผลกระทบนี้ถูกลดทอนลงอย่างมากจากต้นทุนพลังงานที่ลดลงตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบตะวันตก ซึ่งสามารถทำให้บริษัทลดต้นทุนการดำเนินงานลงถึง 252 ล้านเหรียญสหรัฐ สุทธิจากผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 103 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน 78 ล้านเหรียญสหรัฐที่ได้รับจากโปรเจค Olympus 1.0

 

ด้านอัตรากำไรของบริษัท มีการลดลงอย่างมากในระหว่างปี ส่งผลให้เกิดผลกระทบเชิงลบจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยผลกระทบจากการลดลงของอัตรากำไร PET อยู่ที่ 716 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากการลดลงของระดับอัตรากำไรจากตลาดจีนซึ่งถูกใช้อ้างอิงเป็นราคามาตรฐาน (ลดลง 105 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ราคาวัตถุดิบตั้งต้นที่สูงขึ้นในฝั่งตะวันตก และส่วนต่างอัตรากำไรที่ลดลงเนื่องจากห่วงโซ่อุปทานกลับมาสู่ระดับปกติ การเพิ่มกำลังการผลิตของ โพลีเอสเตอร์ในประเทศจีนและการเติบโตของการบริโภคภายในประเทศที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เกิดอุปทานส่วนเกินในปัจจุบันและอัตรากำไร โพลีเอสเตอร์มาตรฐาน ที่ลดลงอย่างมากตามลำดับ

 

ความเหลื่อมล้ำในราคาAromatics ระดับภูมิภาคยังคงมีอยู่ในระดับสูง (ปี 2566 : ความเหลื่อมล้ำของราคา PX ในสหรัฐอเมริกาและเอเชียอยู่ที่ 311 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับความเหลื่อมล้ำของราคาถัวเฉลี่ยปี 2561 ถึง 2564 ที่ 127 เหรียญสหรัฐต่อตัน แม้ว่าจะต่ำกว่าปี 2565 ที่ 401 เหรียญสหรัฐต่อตัน) นำมาซึ่งแรงกดดันด้านต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญและการแข่งขันในการนำเข้าของฝั่งตะวันตกเนื่องจากห่วงโซ่อุปทานกลับมาสู่ระดับปกติ บริษัทเล็งเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันของสินทรัพย์ในประเทศแถบตะวันตกบางส่วนเป็นปัญหาระยะยาว จึงได้มีการประเมินประสิทธิภาพของสินทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจ CPET และกลุ่มธุรกิจ Fibers ใหม่อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจ 'ทำหรือซื้อ' ตลอดจนการปรับสมดุลทางภูมิศาสตร์ต่อภูมิภาคเอเชีย

 

การทบทวนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท โดยรวมจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 รวมถึงการดำเนินงานอื่นๆ ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ จะทำให้มั่นใจว่าความสมดุลของอุปสงค์/อุปทานมีความเหมาะสมในตลาดหลักของบริษัทในสภาวะเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน และ ทำให้มั่นใจว่าลูกค้าของบริษัทจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ที่มีนวัตกรรมและคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์ PET รีไซเคิล และผลิตภัณฑ์ Fibers อย่างกว้างขวาง การจัดการของผู้บริหารเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุผลตอบแทนจากเงินทุนที่เหมาะสมสำหรับมูลค่าที่ส่งมอบให้กับลูกค้า การจัดการต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร รวมถึงความคิดริเริ่มด้านประสิทธิภาพจากการดำเนินงาน จะได้รับการส่งเสริมอย่างมากจากการเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ ซึ่งผลักดันให้อัตราการดำเนินงานเป็นร้อยละ 90 โดยค่อยๆ เริ่มตั้งแต่กลางปี 2567 ไปจนถึงปี 2569

 

ในส่วนของธุรกิจ IOD อัตรากำไรลดลง 188 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน ผลประกอบการของ Integrated Intermediates ลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากอัตรากำไรของ MEG ที่ปรับตัวลง ในขณะที่อัตรากำไรของ MIBE ยังคง ได้รับแรงหนุนตลอดทั้งปีโดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ของน้ำมันเบนซินที่แข็งแกร่งและต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำ ผลประกอบการของ Integrated Downstream ลดลง 219 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากกรลคระดับสินค้าคงคลังในอุตสาหกรรม ปริมาณการขายที่ลดลงของส่วนธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง เช่น Crop Solutions และแรงกดดันจากการนำเข้าในทวีปอเมริกาใต้

 

การจัดการและดำเนินการของฝ่ายบริหาร

คณะฝ่ายบริหารได้พยายามบริหารจัดการกระแสเงินสดสำหรับปี 2566 ส่งผลให้มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (งินทุนหมุนเวียนอยู่ที่ร้อยละ 136) โดยได้แรงหนุนจากการใช้เงินทุนหมุนเวียน 513 เหรียญสหรัฐ และการลดจำนวนวันของเงินทุนหมุนเวียนลง 9 วัน นอกจากนี้ แผนรายจ่ายฝ่ายทุนของบริษัท (Capex) ยังลดลง 276 ล้านเหรียญสหรัฐจากที่ประกาศเมื่อต้นปีการรักษากระแสเงินสดยังคงเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญในปี 2567

 

ในไตรมาสนี้ บริษัทมีการด้อยค่า (รายการที่ไม่ใช่เงินสด) ของสินทรัพย์ Corpus Christi จำนวน 308 ล้านเหรียญสหรัฐ (สุทธิหลังหักกาษีเท่ากับ 243 ล้านเหรียญสหรัฐ)เนื่องจากต้นทุน โครงการที่เพิ่มสูงขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และมูลค่ายุติธรรมที่ลดลง โดย 1 ใน 3 ของต้นทุนค่าบำรุงรักษาประจำปีของโรงงาน ที่บริษัทถือครองอยู่ที่ประมาณ 6-10 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างหยุดการก่อสร้างชั่วคราวจนกว่าจะสามารถระ บุแผนโครงการที่ได้รับการอนุมติโดยปรึกษาร่วมกับคู่ค้า เพื่อควบคุมต้นทุน โครงการโดยรวม

 

Project Olympus 1.0ช่วยประหยัดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพด้านนวัตกรรมเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจของเรายังคงอยู่ในลำดับควอไทล์แรกของกลุ่ม ความมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและการดำเนินงาน สามารถลด

ต้นทุนสะสม โดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 527 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 (เทียบกับ 449 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565) เริ่มต้นปี 2567 บริษัทเปิดตัวเฟสถัดไปคือ Olympus 2.0 เพื่อลดต้นทุนสะสมโดยรวมเพิ่มขึ้น 450 ล้านเหรียญสหรัฐโดยใช้ประโยชน์จากระบบ SAP S4 Hana ที่เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และความคิดริเริ่มใหม่ๆ จากการใช้โปรแกรมดิจิทัล

 

มุมมองในอนาคต

ในปี 2567 บริษัทคาดการณ์ว่าจะยังคงเผชิญกับความท้าทายต่อไป แม้ว่าจะมีแนวโน้มในการปรับตัวดีขึ้น บริษัทคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4-5 เนื่องจากการลดระดับสินค้าคงคลังสิ้นสุดลงเกือบทั้งหมดในทุกกลุ่มธุร กิจ จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากจุดสูงสุดในปี 2566 กวบคู่กับอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย

 

บริษัทเชื่อว่าระดับอัตรากำไรอ้างอิงของ Integrated PET จะไม่ทรงอยู่ ณ ระดับปัจจุบันนี้ไปอย่างต่อเนื่อง และคาคว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต จากการประกาศใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดและอุปสรรคทางการค้าอื่นๆ ในตลาด เช่น สหภาพยุโรป เม็กซิโก อินเดีย และอื่นๆ ผลที่ตามมาคืออัตราส่วนต่างกำไรของบริษัทเมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานของประเทศจีนในตลาดจะสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับบริษัทเนื่องจากการดำเนินงานส่วนใหญ่ของเราตั้งอยู่นอกประเทศจีน

 

บริษัทเชื่อว่าอุปสงค์ในน้ำมันจะเริ่มคงที่จากนี้ไป เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิดกลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับความสมดุลของปริมาณการผลิตจากโรงกลั่นในระดับสากล ความแตกต่างของราคา MX ในระดับภูมิภาคลดลงซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจโพลิเอสเตอร์ฝั่งตะวันตก ซึ่งจะมีต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงบริษัทมีการทบทวนการจัดสรรเงินลงทุนอย่างเคร่งครัดเพื่อการรักษาระดับเงินสดและลดต้นทุนคงที่ โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจได้ระบุประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ พร้อมแผนปฏิบัติการ ซึ่งมีรายละเอียดและ ทรัพยากรที่ต้องใช้ ตัวอย่างเช่น กลุ่มธุรกิจ Fibers ได้ระบุประเด็นสำคัญในการดำเนินงานสี่ประเด็น ในปี 2567 (อัตรากำลังการผลิต ต้นทุนคงที่ ความเป็นเลิศทางการค้า และเงินทุนหมุนเวียน) โดยมุ่งเน้นที่การสร้าง EBITDA และปรับปรุงสถานะกระแสเงินสด กลุ่มธุรกิจ Fibers ยังคงดำเนินการตามแผนเพิ่มประสิทธิภาพตามที่ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2566

 

ปณิธานปี 2569

ปัจจุบันบริษัทได้สร้างรากฐานรูปแบบธุรกิจ (Platform) ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีพร้อมด้วยความเป็นผู้นำในตลาดเติบโตอย่างยั่งยืน และตลาดที่กำลังมีศักยภาพในการขยายตัว ความมุ่งมั่นในอีกสามปีข้างหน้าจะยังเป็นการพัฒนา ปรับปรุงกำไรจากการดำเนินงานให้ดีขึ้นต่อไป ผ่านการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจและองค์กร โดยรวม

ตามที่กล่าวไว้ในการประชาสัมพันธ์ครั้งล่าสุด บริษัทกำลังทบทวนแผนเชิงกลยุทธ์ของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระหนี้สินปลดล็อคศักยภาพเพื่อเพื่มคุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทกำลังทบทวนทางเลือกเชิงกลยุทธ์ ที่หลากหลาย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตต่อไป ทั้งนี้ รายละเอียดดังกล่าวจะ ได้ประกาศเพิ่มเติมในงาน Capital Markets Day ในวันที่ 5 มีนาคม 2567

 

เป้าหมายในปี 2567-2569 ผ่านตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหลักต่างๆ ได้แก่:

การรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ให้ต่ำกว่า 3 เท่า

การปรับปรุงอัตรา ROCE ให้สูงกว่าร้อยละ 12 เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเชิงบวก

Olympus 2.0 มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนสะสมโดยรวมเพิ่มขึ้น 450 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

 

 

  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง