รีเซต

‘คลัง’ ชี้จีดีพีปี63 ทรุดหนัก-8.5% ส่งออกวูบ-11% เตรียมฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

‘คลัง’ ชี้จีดีพีปี63 ทรุดหนัก-8.5% ส่งออกวูบ-11% เตรียมฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
มติชน
30 กรกฎาคม 2563 ( 15:26 )
45
‘คลัง’ ชี้จีดีพีปี63 ทรุดหนัก-8.5% ส่งออกวูบ-11% เตรียมฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

‘คลัง’ ชี้จีดีพีปี63 ทรุดหนัก-8.5% ส่งออกวูบ-11% เตรียมฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะหดตัวที่ -8.5% ต่อปี โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -9.0% ถึง -8.0% จากปีก่อนที่ขยายตัวที่ 2.4% ต่อปี โดยมีปัจจัยหลักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักหดตัวลง ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัวที่ -11.0% ขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจะหดตัวที่ -82.9% ขณะที่ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะหดตัวที่ -2.6% และ -12.6% สอดคล้องกับทิศทางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

นายลวรณ กล่าวว่า ขณะที่ ปัจจัยบวกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2563 คือการใช้จ่ายของภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ, การโอนงบประมาณตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2563 และพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 โดยมีกรอบวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท โดยคาดว่า การบริโภคภาครัฐจะขยายตัวที่ 4.3% และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 9.7%

“เชื่อว่าเราได้ผ่านช่วงไตรมาส 2/2563 ที่เศรษฐกิจถึงจุดตกต่ำสุดมาแล้ว จากนี้ไปเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเครื่องยนต์หลักคือการผ่อนคลายมาตรการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหลังภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจการ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากขึ้นประกอบกับผลของมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนาของรัฐบาล ระยะที่ 1-3 และมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จะช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชน รักษาระดับการจ้างงาน และสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้เกิดการหมุนเวียนกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไป” นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวว่า สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 จะอยู่ที่ -1.3% ปรับตัวลดลงจากปีก่อน ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงและอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัวลงจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 13.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 2.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อจากนี้ไปปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกัน ซึ่งคาดว่าไม่เกินกลางปี 2564 จะสำเร็จ และการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศของประเทศต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศในช่วงที่เหลือของปี 2563 จากทุกปีที่มีนักท่องเที่ยวกว่า 40 ล้านคน ปัจจุบันลดลงเหลือ 6.8 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2563

นายลวรณ กล่าวว่า ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจที่จะฟื้นตัวได้เร็ว ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนสู่วิถีชีวิตใหม่ (นิวนอร์มอล) จะช่วยสนับสนุนธุรกิจบริการดิจิทัลและธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีคอมเมิร์ซ) ให้ขยายตัวได้ดี กระทรวงการคลังมั่นใจว่า มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 1-3 จะสามารถประคับประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ไปได้

“ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ 4.0% ถึง 5.0% ในปี 2564 และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม เพื่อดูแลเศรษฐกิจไทยอย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป” นายลวรณ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง