SUSCOขายBYDสนั่น รุกต่อคอมมูนิตี้มอลล์
#SUSCO #ทันหุ้น – SUSCO รับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD มาแรง ปลายปีเติบโตมาก ตั้งเป้าเดือนละ 300-400 คัน เดินหน้าเปิดคอมมูนิตี้มอลล์ SUSCO SQUARE อีก 2 แห่ง ดันรายได้นอนออยล์ ด้านกูรูระบุ SUSCO ได้เปรียบต้นทุนจากการเป็นเจ้าของที่ดินปั๊มน้ำมันนำมาสร้างเป็นโชว์รูม ชี้ต่อยอดอีวีได้อีกมาก คำนวณกำไรเฉพาะขายอีวีจะแรง เป้า 5 บาท
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า จากการที่บริษัทได้มีการจัดตั้ง "บริษัท ซัสโก้ บียอนด์ จำกัด" ร่วมมือกับ "บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด" เปิดให้บริการโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ทั้งบริการหลังการขาย และศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังในอนาคต และเริ่มจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "BYD" ล่าสุดประเมินว่ายอดขายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BYD ช่วงปลายปีจะมีการเติบโตอย่างมาก ตามความต้องการใช้รถอีวีที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน SUSCO มีโชว์รูมรถและศูนย์บริการรวมกัน 7 แห่ง ตั้งเป้ายอดขายรถแบรนด์ BYD ราวเดือนละ 300-400 คัน โดย BYD นับเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของจีนยังเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ของโลกด้วย ทำให้เชื่อว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จะทำได้ตามแผน คาดว่ายอดขายยานยนต์อีวีจะเข้ามาเป็น 30% ของรายได้รวม
@ เปิด SUSCO SQUARE อีก 2 แห่ง
ทั้งนี้บริษัทได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินการกระจายธุรกิจ จากสถานีให้บริการน้ำมัน มาสู่การขาย รถยนต์ไฟฟ้า และการดำเนินการให้สถานีให้บริการน้ำมันมีรายได้ครบวงจรมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของนอนออยล์ ผ่านไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอร์ SUSCO SQUARE ปัจจุบันมี 2 สาขา คือ สาขาที่ ศรีนครินทร์ 3 และ สาขาพุทธบูชา จากสถานีให้บริการน้ำมันราว 250 แห่ง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากมีร้านค้าแบรนด์ดังมากมาย เป็นจุดดึงดูด และยังมีแผนที่จะเปิด SUSCO SQUARE ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอร์ เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ทำให้บริษัทมีรายได้จาก Non-Oil เข้ามาเสริมพอสมควร
ส่วนการที่บริษัทมีปั๊มน้ำมันบางส่วนภายใต้แบรนด์ ESSO นั้น ปัจจุบันบริษัทยังรอรายละเอียดต่างๆ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือไม่ หลังจากที่ บางจากควบรวมกับเอสโซ่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังมีสัญญาในการใช้แบรนด์เอสโซ่อยู่
@น้ำมันยอดสูงไตรมาส 4
ด้านสถานการณ์ยอดขายน้ำมันเชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 เป็นการไปตามความคาดหวังการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำให้ยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นตาม และยอดขายจะดีมากขึ้นหากราคาน้ำมันย่อลงมา โดยยังคงคิดตามการผลักดันนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล คงประมาณการรายได้ปี 2566 ไว้ที่กว่า 3 หมื่นล้านบาท ธุรกิจทุกส่วน ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทยังมีการเปิดสถานีบริการและขยายฐานในส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ
@BYD อนาคต SUSCO เป้า 5 บาท
นายสุวัฒน์ สินสาฎก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ลูกค้าสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ SUSCO เข้าสู่ธุรกิจโชว์รูมขายรถไฟฟ้า BYD นั้นนับเป็นกลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทค่อนข้างมาก เนื่องจาก BYD เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยม กำลังเร่งขยายตลาดในไทย และมีการลงทุนอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ SUSCO ในฐานะผู้จำหน่ายมีการเติบโตไปด้วย ขณะเดียวกัน SUSCO ยังมีข้อได้เปรียบในแง่ของการเป็นเจ้าของพื้นที่ดินในปั๊มน้ำมันหลายแห่งในพื้นที่ไพร์มแอเรีย โดยที่ไม่ใช่การเช่าราวครึ่งหนึ่งของจำนวนปั๊มทั้งหมด ดังนั้นจึงมีต้นทุนที่ไม่ค่อยสูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับรายอื่น
พร้อมกันนี้เชื่อว่า SUSCO จะสามารถขายรถ BYD ได้เฉลี่ยวันละ 1 คันต่อสาขา หรือเดือนละ 30 คันต่อสาขา ซึ่งจากนโยบายการเปิดโชว์รูม BYD 11 แห่งของบริษัทจะทำให้บริษัทสามารถขายได้ เดือนละ 330-400 คัน หรือปีละ 3,960-4,800 คัน หากคำนวณกำไรคราวๆ 1 แสนบาทต่อคัน เชื่อว่าเฉพาะยอดขาย BYD จะทำให้บริษัทมีกำไรเข้ามาอีกปีละ 400 ล้านบาท จึงเชื่อว่าบริษัทจะมีกำไรในหลักพันล้านบาทได้ในปีหน้า ซึ่งเป็นการก้าวกระโดจากปกติที่บริษัทจะมีกำไรปีละ 400 ล้านบาท และหากยิ่งขายได้มากก็จะทำให้บริษัทกำไรมาก เพราะต้นทุนหลักๆ เป็นต้นทุนคงที่อซึ่ง SUSCO ยังสามารถมีการขยายธุริกจอีวีได้อีกมาก เช่นการให้เซอร์วิส รวมถึงที่สถานนีชาร์จรถยนต์ จึงให้เป้า SUSCO ปีหน้าที่ 5 บาท
ส่วนความกังวลด้านการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันนั้น จะไม่ได้ส่งผลกระทบกับ SUSCO มากเนื่องจากการที่ SUSCO เป็นเจ้าของที่ดินในสถานีให้บริการน้ำมันทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่จะได้ผลดีจากการขาย BYD มากกว่า ซึ่งจะเห็นได้มากการที่ราคาหุ้น SUSCO ไม่ได้ลงเมื่อเทียบกับหุ้นน้ำมันรายอื่น นอกจากนี้ SUSCO ยังมีการเติบโตด้านของยอดขายน้ำมันเครื่องบินด้วย
นอกจากการเติบโตแล้ว SUSCO ยังนับเป็นหุ้นราคาถูกจากที่พี/อีไม่สูง ขณะเดียวกันยังมีราคาต่อมูลค่าทางบัญชีที่ต่ำกว่า 1 เท่าด้วย ทั้งๆ ที่บริษัทเป็นเจ้าของที่ดินและยังไม่ได้มีการรีแวลูเพื่อให้สะท้อนราคาตลาด