คนไทย จมน้ำเฉลี่ย 3,687 คนต่อปี เฉลี่ยวันละ 10 คน

แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ดำเนินการแถลงข่าวในหัวข้อ “สุขภาพดีหน้าฝน รู้เท่าทัน ป้องกันโรคภัยอย่างถูกวิธี” พร้อมแนะวิธีดูแลตนเองในช่วงหน้าฝนนี้ (29 กรกฎาคม 2568)
คนไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำเฉลี่ย 3,687 คน/ปี เฉลี่ยวันละ 10 คน โดยในปี 2558 - 2567 กลุ่มอายุที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ 45 - 59 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป สาเหตุในกลุ่มเด็กเกิดจากการเล่นน้ำมากที่สุด รองลงมา คือ พลัดตกลื่น ในกลุ่มผู้ใหญ่เกิดจากการประกอบอาชีพ เช่น หาหอย หาปลา เก็บผัก มากที่สุด รองลงมา คือ พลัดตกลื่น ซึ่งแหล่งน้ำที่มีการจมน้ำมากที่สุด ได้แก่ แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ รองลงมา คือ เขื่อน ฝ่าย อ่างเก็บน้ำ ทั้งให้กลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ โดยเกือบทั้งหมดของคนที่จมน้ำไม่สวมชูชีพ แนะประชาชน
1. อย่าเดินหรืออยู่ใกล้บริเวณขอบบ่อ เพราะอาจเกิดการลื่นไถลลงไปในน้ำ
2. ทำสัญลักษณ์/ป้ายเตือน/แนวกั้น เพื่อให้สังเกตเห็นขอบบ่อได้ชัดเจน
3. ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กลงไปในน้ำ
4. ไม่ควรลงไปในน้ำ เพราะระดับน้ำ กระแสน้ำ และพื้นใต้น้ำ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
5. หากจำเป็นต้องลงน้ำ ควรสวมเสื้อชูชีพ หรือนำถังแกลลอนพลาสติกเปล่าผูกเชือกสะพายไว้กับตัว เพื่อช่วยในการพยุงตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ไฟดูด ไฟช็อต ปี 2568 พบผู้บาดเจ็บ 189 ราย ผู้เสียชีวิต 15 ราย โดยอาชีพที่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด คือ ผู้ใช้แรงงาน กลุ่มอายุที่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด คือ 30 - 59 ปี แนะประชาชน ยึดหลัก 4 ย. “โยก ย้าย อย่า หยุด” โยก คือ โยกปิดสายไฟลงทันที เมื่อเกิดน้ำท่วม ย้าย คือ ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนน้ำท่วม เพราะอาจมีกระแสไฟฟ้ารั่ว อย่า คือ อย่าแตะสวิตช์ไฟ หรือเดินเข้าใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เสาเหล็กที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ขณะที่ร่างกายเปียก หยุด คือ หยุดใช้อุกรณ์ไฟฟ้าที่น้ำท่วม ควรให้ช่างตรวจสอบก่อน
ฟ้าผ่า ปี 2568 พบผู้บาดเจ็บ 50 ราย ผู้เสียชีวิต 3 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 30 - 59 ปี โดยอาชีพที่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด คือ ผู้ใช้แรงงาน, เกษตรกรรม, นักเรียน นักศึกษา แนะประชาชน 1. ติดตามสภาพภูมิอากาศจากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา 2. เมื่อฝนกำลังจะตกให้กลับเข้าที่พัก และอย่าอยู่ใกล้ผนัง ประตู หน้าต่าง 3. หากอยู่ในรถ ให้ปิดกระจกให้มิดชิด 4. ห้ามอยู่ใกล้ต้นไม้ เสาไฟฟ้าหรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ 5. หากหาที่หลบไม่ได้ให้นั่งยอง ๆ ก้มศีรษะให้ตัวอยู่ต่ำที่สุด เท้าชิดกัน และเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย ใช้มือปิดหู 6. ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง 7. ถอดปลั๊กของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือสื่อสาร ฯลฯ ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง 8. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้อุปกรณ์ สิ่งของที่เป็นโลหะ 9. หลีกเสี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในขณะที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะกิจกรรมที่สัมผัสน้ำ เช่น การเล่นน้ำ เป็นต้น 10. ถ้าพบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือผลกระทบจากการถูกฟ้าผ่า แจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือได้ที่ โทร. 1669
สัตว์มีพิษกัด ปี 2568 พบผู้บาดเจ็บ 1,387 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 30 - 59 ปี โดยอาชีพที่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด คือ คือ ผู้ใช้แรงงาน, เกษตรกรรม แนะประชาชน ควรจัดบ้านให้สะอาดไม่ให้มีมุมอับ เมื่อต้องเดินไปในบริเวณที่ชื้นหรือมืด ควรสวมรองเท้าหุ้มข้อหรือหุ้มส้นเพื่อป้องกันการถูกสัตว์มีพิษกัด ทั้งนี้ หากถูกงูพิษกัดต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที ลดการเคลื่อนไหวอวัยวะที่ถูกงูกัด และไม่ควรขันชะเนาะ เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดเกิดเนื้อตายได้ พร้อมทั้งจดจำลักษณะชนิดของงูที่กัด เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
