EIC ประเมินอุตฯยานยนต์พ้นจุดต่ำสุดแล้ว

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC ประเมินอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะกลับมาเติบโตได้ในปี 2569 แต่การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึงนัก สะท้อนจากยอดขายยานยนต์ในประเทศปี 2568 ที่หดตัวชะลอลง และในปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 เทียบจากระยะเดียวกันปีก่อน (YOY) โดยค่ายรถที่มีการนำเสนอรุ่น SUV หรือ xEV จะมียอดขายที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มแบรนด์รอง รวมถึงค่ายผู้ผลิตที่ยังเน้นจำหน่ายรถกระบะและรถสันดาปเป็นหลัก
ในระยะปานกลาง ตลาดรถยนต์ไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเฉลี่ยราวร้อยละ 2.6 ต่อปี แต่ยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหลายด้าน ซึ่งอาจทำให้วัฏจักรการฟื้นตัวยอดขายรถยนต์อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (ปี 2559-2562 เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 9 ) เช่น ภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง อายุการใช้งานของรถยนต์ยาวนานขึ้น รวมถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามซึ่งอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะข้างหน้า 1) กำลังซื้อภายในประเทศ เผชิญแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง กอปรกับรายได้เกษตรกรก็มีแนวโน้มหดตัวในปี 2569 คาดว่าจะมีส่วนกดดันให้ตลาดรถกระบะมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวได้ช้า
2) สถาบันการเงินตรึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์เนื่องจากปัญหาหนี้เสียยังไม่ปรากฏสัญญาณการคลี่คลายอย่างชัดเจนโดยเฉพาะในกลุ่มรถกระบะ
3) การตีตลาดจากรถนำเข้าและสงครามราคา ทำให้ค่ายผู้ผลิตดั้งเดิมบางส่วนจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์ที่ปรับตัวได้ช้า มีโมเดลรถไม่ตอบโจทย์ อีกทั้ง ผลพวงจากสงครามราคาท าให้สภาพคล่องของผู้ผลิตเปราะบางลง
4) มาตรการ Auto tariff หรือการขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนของสหรัฐฯ โดยเฉพาะมาตรา 232 จะกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่งที่ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ต่ำกว่า เช่น ญี่ปุ่น กลุ่ม EU และ USMCA ( UAMCA คือ สหรัฐฯ, เม็กซิโก, แคนาดา)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
