เอกชน ‘สมุย’ พร้อม 100% เปิดรับต่างชาติ 15 ก.ค.นี้ หวังทดสอบระบบ ลุยของจริงไตรมาส 4/64
นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการเปิดสมุยรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการ สมุย พลัส โมเดล ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ มีความพร้อมในการเปิดรับต่างชาติแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการ ที่ถือมีความพร้อม 100% เนื่องจากเข้ารับการอบรมมาตรฐานตามที่รัฐบาลกำหนดแล้ว ขณะนี้ต้องการเพียงนโยบายของภาครัฐนิ่งแล้วเท่านั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สามารถออกใบรับรองในการเดินทางเข้าประเทศไทย (ซีโออี) จึงเริ่มเห็นการขอซีโออีเพื่อเดินทางเข้าสมุยบ้างแล้ว แต่ยังไม่มากนัก เพราะซีโออีเพิ่งสามารถขอได้เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รวมถึงการประชาสัมพันธ์ยังไม่ได้ทำมากเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นและการทดสอบระบบเท่านั้น โดยขณะนี้มีโรงแรมกลับมาเปิดใหม่แล้ว จำนวน 177 แห่ง คิดเป็นห้องพักจำนวนประมาณ 8,629 ห้อง จากปกติก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 ทั้งเกาะสมุยมีโรงแรมจำนวน 671 แห่ง หรือจำนวนห้องพักประมาณ 25,000 ห้อง ซึ่งจากการสอบถามกับตัวแทนการขาย ตอนนี้รอดูนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว สามารถขายแพคเกจได้ทันที จึงคาดว่าไตรมาส 4/2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวคนไทยด้วย เพราะต้องลี้ภัยโควิด-19 จากกรุงเทพฯ หรือพื้นที่สีแดงอื่นๆ เนื่องจากแม้จะนั่งรับประทานอาหารในร้านยังทำไม่ได้ จึงอาจเลี่ยงเข้ามาเพราะสามารถทำงานที่ใดก็ได้ โดยจะทำให้อัตราการเข้าพักในสมุยเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% ของจำนวนห้องจากปัจจุบันอัตราเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 8-10% เท่านั้น
“ไตรมาส 3/2564 ยังคาดหวังอะไรไม่ได้เลย เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความกังวลเพิ่มขึ้น ส่วนคนไทยก็กังวลการเดินทางเข้ามาของต่างชาติ ทำให้สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ การทดสอบระบบ การนำร่องนักท่องเที่ยวเข้ามาก่อน เพื่อแก้ไขปัญหา อาทิ ช่องทางขาย การทำตลาด ระบบสาธารณสุข ระบบการคัดกรอง และการเดินทาง เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความพร้อม ในการรองรับนักท่องเที่ยวได้แบบทั่วไปหลังจากนี้ ทำให้ช่วงไตรมาส 4/2564 หากสถานการณ์ดีขึ้นจริงๆ จึงจะถือเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจริง” นายรัชชพร กล่าว
นายรัชชพร กล่าวว่า แพคเกจที่พักโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (เอแอลคิว) ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 35,000-100,000 บาทต่อคืน โดยราคาแพคเกจเริ่มต้นที่ 35,000 บาทนั้น เป็นราคาที่รวมค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลไว้ครบแล้ว ราคาประมาณ 16,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ดีมาก ในการเริ่มต้นเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเกาะสมุย เพราะจากการสำรวจตลาดเริ่มเห็นกระแสความสนใจของต่างชาติมากขึ้นแล้ว ซึ่งหากตั้งราคาแพคเกจเริ่มต้นที่ 100,000 บาท อาจดึงความน่าสนใจได้น้อยลง ส่วนในกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ไม่ครบ 14 วัน สามารถขอคืนเงินส่วนต่าง (รีฟันด์) ได้ เนื่องจากหากอยู่ไม่ครบ 14 วัน จะได้รับการตรวจหาเชื้อไม่ครบ 3 ครั้ง โดยคิดค่าตรวจหาเชื้อ 1 ครั้ง 4,000 บาท 2 ครั้ง 6,000 บาท และ 3 ครั้ง 8,000 บาท แต่จะคืนในอัตราเท่าใดนั้น อาจต้องพิจารณาร่วมค่าบริการอื่นๆ ด้วย
นายรัชชพร กล่าวว่า จากกรณีการเปิดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และพบว่าต่างชาติที่เข้ามา 1 คน มีเชื้อโควิดในการตรวจหาเชื้อครั้งแรก ที่สนามบิน ซึ่งเข้ารับการรักษาเรียบร้อยแล้ว แต่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในเครื่องบินลำเดียวกัน ถือเป็นผู้เสี่ยงสูงเพราะสัมผัสใกล้ชิดนั้น ส่วนของสมุย กำหนดให้นักท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงสูงนั้น ต้องอยู่ในที่พักเอแอลคิวให้ครบ 7 วัน และทำการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ซึ่งจากความเห็นของแพทย์บอกว่าการตรวจหาเชื้อซ้ำ 2 ครั้งใน 7 วัน ถือว่ามีความแม่นยำกว่า 90% แล้ว โดยส่วนนี้จะต่างจากภูเก็ต เนื่องจากภูเก็ตต้องอยู่ในที่พักเอแอลคิว 14 วัน หรือหากต้องการกลับประเทศต้นทาง ก็สามารถกลับได้ แต่ของสมุยต้องอยู่ที่พักเอแอลคิวให้ครบ 7 วันก่อน โดยตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม เป็นต้นไป แม้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว แต่คนไทยยังสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวเกาะสมุยได้ โดยเน้นเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว อาทิ แอสตร้าเซเนก้า 1 เข็ม ซิโนแวค 2 เข็ม ไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซ้ำก่อนเดินทางเข้าพื้นที่สมุย ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะต้องแสดงผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
นายรัชชพร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดโควิดที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงต่อเนื่องนั้น คนในพื้นที่เกาะสมุย มีความกังวลเพิ่มขึ้น แต่ได้ทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่แล้วว่า การเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วง 7 วันแรก ต้องอยู่ในที่พักเอแอลคิวให้ครบกำหนดก่อน จึงไม่สามารถพบกับชาวบ้านได้ในช่วง 7 วันแรก ทำให้ความปลอดภัยจะมีเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง โดยชาวบ้านได้สะท้อนเสียงมาว่า อยากให้มาตรการหรือเงื่อนไขด้านสาธารณสุข ต้องปฏิบัติอย่างเข้มแข็งที่สุด รวมถึงกระจายรายได้ให้กับคนในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ได้ผลักดันให้ในช่วง 7 วันหลัง นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในเส้นทางที่กำหนดไว้ ต้องอาศัยอยู่ในโรงแรมที่ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย (เอสเอชเอพลัส) เท่านั้น แต่ในส่วนของการใช้บริการอื่นๆ ไม่ได้กำหนดให้ต้องใช้บริการเฉพาะที่ได้มาตรการเอสเอชเอพลัสเท่านั้น เพื่อให้ต่างชาติกระจายใช้บริการในผู้ประกอบการรายย่อย หรือชาวบ้านมากขึ้น
“สิ่งที่สำคัญคือ นโยบายที่ชัดเจนว่า วิธีการเดินทางเข้ามาจะต้องใช้อะไรบ้าง ซึ่งเมื่อทุกอย่างมีความชัดเจนแน่นอนแล้ว เชื่อว่าจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามาได้ โดยในระยะเริ่มต้นคาดว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเป็นประเทศยุโรปเป็นหลัก” นายรัชชพร กล่าว