"เกาะคุ้งสำเภา" จมน้ำ! เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำทะลุ 3,000 ลบ.ม./วินาที
วันนี้( 8 ต.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำ ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่า น้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณน้ำฝนจากทางตอนบนประเทศ วัดได้อัตรา 3,099ลบ.ม./วินาที
โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดวัดได้ +17.65 เมตร ระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนริมตลิ่งใน3อำเภอเหนือเขื่อนเจ้าพระยาคือ อ.เมืองชัยนาท อ.วัดสิงห์ และ อ.มโนรมย์
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้ปรับเพิ่ม อัตราการระบายไปที่ 3,003ลบ.ม./วินาที เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน และ เพื่อชะลอน้ำเหนือไว้ในลำน้ำเหนือเขื่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจากการระบายน้ำในเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกระดับขึ้นกว่า 30 ซ.ม.ใน 24 ชม. เมื่อเวลา 13.00น.ที่ผ่านมาวัดได้ +17.06 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เอ่อล้นสูงกว่าตลิ่ง 72 ซ.ม. ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เขื่อนเจ้าพระยามีการปรับระดับการแจ้งเตือนจากธงเหลือง ในสถานการณ์เฝ้าระวัง ขึ้นเป็นธงแดง เป็นสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพขึ้นมานอนริมถนนสายต่างๆกันมากขึ้น โดยเฉพาะถนนคันคลองมหาราชที่ปัจจุบันมีกว่า1,300ครัวเรือนที่ต้องขึ้นมานอนริมถนน
จากระดับน้ำเหนือเขื่อนที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำเหนือ ส่งผลให้ระดับน้ำเอ่อล่นเข้าท่วมพื้นที่ริมตลิ่งเหนือเขื่อน โดยเฉพาะเกาะคุ้งสำเภา เกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจุดบรรจบแม่น้ำสะแกกรังกับแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ปัจจุบันระดับน้ำได้เอ่อขึ้นท่วมพื้นที่เกาะจนมิดแล้วทั้งเกาะ เหลือให้เห็นเพียงต้นไม้และบ้านเรือประชาชนที่สร้างอยู่บนสันเกาะเท่านั้น ประชาชนบางส่วนก็อพยพขึ้นมาพักอาศัยอยู่บ้านญาติบนฝั่งเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ เขื่อนเจ้าพระยามีแผนคงการระบายน้ำไว้ในเกณฑ์ 2,900-3,000ลบ.ม. ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมเป็นต้นไป เพื่อพร่องน้ำในพื้นที่เหนือเขื่อนที่กำลังเต็มความจุลำน้ำ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่งเหนือเขื่อน แต่จะกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจะมีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นได้อีก