ชาวอินเดียถ่ายเซลฟี่ท้าสายฟ้า ถูกผ่าเสียชีวิต 16 ศพ

India: มีชาวอินเดียอย่างน้อย 70 คน เสียชีวิตจากเหตุฟ้าผ่าในหลายรัฐเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเกิดขึ้นเพียง 1 เดือนเศษ หลังจากที่เพิ่งเกิดเหตุฟ้าผ่ารุนแรงในหลายเขตของรัฐเบงกอลตะวันตก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 27 คน

เหตุฟ้าผ่าเมื่อวันอาทิตย์ (11 กรกฎาคม) เกิดขึ้นในรัฐอุตตรประเทศ, มัธยประเทศ และราชาสถาน ทำให้มีชาวอินเดียเสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 70 คน ในจำนวนนี้พบว่า 16 คนเสียชีวิตหลังถูกฟ้าผ่า ขณะที่ถ่ายรูป ‘เซลฟี’ บนยอดหอสังเกตการณ์ ท่ามกลางสายฝน ที่ป้อมอาเมร์ในเมืองชัยปุระ รัฐราชาสถาน 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน เพิ่งเกิดฟ้าผ่ารุนแรงในหลายเขตของรัฐเบงกอลตะวันตก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 27 คน
แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีจะมีคุณภาพสูง แต่การเสียชีวิตจากฟ้าผ่ายังคงเกิดขึ้นเป็นประจำ และพบว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตจากฟ้าผ่าถึง 35.5% เมื่อเทียบกับการเสียชีวิตจากภัยธรรมชาติอื่น ๆ 

ข้อมูลฟ้าผ่าประจำปีของอินเดีย ระหว่าง 1 เมษายน 2020 - 31 มีนาคม 2021 พบว่า ฟ้าผ่าได้คร่าชีวิตชาวอินเดีย 1,619 คน ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าเกิดเหตุฟ้าผ่าในอินเดียมากกว่าปีก่อนหน้านั้นถึง 34%  คือจาก 1,380,000 ครั้ง เป็น  1,850,000 ครั้ง โดยพบในรัฐโอดิสา, มัธยประเทศ, ฉัตตีสครห์, เบงกอลตะวันตก และจักรขันธ์ มากที่สุด 

จากการสำรวจสาเหตุการเสียชีวิตจากฟ้าผ่าในอินเดีย พบว่าพื้นที่พักอาศัยของชาวนาอยู่ในพื้นที่โล่ง และในช่วงปีที่แล้ว ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้สูงในทุ่งหญ้า ซึ่งพบว่า 71% ของฟ้าผ่า เกิดขึ้นขณะยืนอยู่ใต้ต้นไม้ 

Climate Resilient Observing Systems Promotion Council (CROPC) เปิดเผยว่า ความเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วของสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน, การตัดไม้ทำลายป่า, การสูญเสียแหล่งน้ำ, การเทคอนกรีต, มลภาวะที่เพิ่มขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยทำให้เกิดฟ้าผ่ารุนแรงได้ด้วย

ทั้งนี้ นักวิจัยในสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิทโซเนียนในปานามา พบว่า แต่ละปีมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นมากกว่า 100 ล้านครั้ง ซึ่งแอฟริกาพบมากที่สุด ตามมาด้วยเอเชีย, อเมริกาใต้, อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย และพบว่าสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้ฟ้าผ่าเกิดมากขึ้นถึง 25-50%