รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
10 มีนาคม 2565 ( 09:15 )
222
เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องทดสอบแนวต้าน 1,660+- จุด ตาม Sentiment บวกจากต่างประเทศที่คาดหวังว่าสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะมีทิศทางดีขึ้นหลังรัสเซียออกมาเปิดเผยว่าการเจรจามีความคืบหน้า และวันนี้จะมีการพบกันระหว่างรมว.ต่างประเทศของทั้ง 2 ฝั่ง ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรในทองคำและเม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงกว่า 10% เมื่อคืนช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนและเงินเฟ้อ 

 

อย่างไรก็ตามกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครนเริ่มผ่อนคลาย คาดว่าโฟกัสของตลาดจะกลับมาอยู่ที่เงินเฟ้อและนโยบายการเงินของ FED ที่จะตึงตัวขึ้นทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในสัปดาห์หน้า และโดยเฉพาะการเริ่มลดขนาดงบดุลใน 2H22 ดังนั้นกลยุทธ์เราจึงยังเน้นลงทุนในหุ้น Value และ Domestic Play ซึ่งยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลัง COVID-19 กลุ่มที่คาดว่าจะสามารถ Outperform ตลาดในระยะยาวยังคงเป็น ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัดและได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

หุ้นเด่นเดือนมี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP

 

หุ้นเด่นวันนี้ : SC

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท

• เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตปีนี้ โดยผู้บริหารตั้งเป้าหมายเชิงรุก ทั้งเป้ารายได้ 2.2 หมื่นลบ. +13% Y-Y และแผนเปิดโครงการใหม่ 27 โครงการรวม 4 หมื่นลบ. มากกว่าปีก่อนๆอย่างมีนัยยะสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริหารต่อภาพอุตสาหกรรมที่เป็นบวก

• เราคาดกำไรปี 2022 +17 Y-Y ขณะที่ Valuation ถูกเป็นอันดับต้นๆของกลุ่ม เทรด PER และ PBV เพียง 7 เท่าและ 0.8 เท่า ตามลำดับ

• แนวรับ 3.80//3.70 บาท แนวต้าน 4//4.10 บาท       

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ฟื้นตัวจากคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจารัสเซีย – ยูเครน โดยวางแนวรับที่ 1,630 – 1,635 แนวต้าน 1,655 – 1,660 แนะนำซื้อกลุ่มเปิดเศรษฐกิจคาดฟื้นได้ดีในกรณีสงครามยุติ เช่นKBANK,BBL,TIDLOR/ MAKRO, DOHOME,OSP/ AOT,CENTEL,BDMS  

 

กลุ่มน้ำมันปาล์ม คาดแนวโน้มราคา CPO ในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงจากข่าวอินโดนีเซียวางแผนจำกัดการส่งออกน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป โดยเตรียมออกคำสั่งให้บริษัทต่างๆ ต้องจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มโอลีน 30% ภายในประเทศ เพิ่มจากสัดส่วนเดิมที่ระดับ 20% มีผลบังคับใช้อย่างน้อย 6 เดือน ประเด็นดังกล่าวจะทำให้ซัพพลายน้ำมันพืชในตลาดโลกยิ่งลดน้อยลง หลังจากเผชิญกับปัญหาซัพพลายขาดแคลนจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันรายใหญ่ ขณะที่ความต้องการใช้ของประเทศจีนและอินเดียยังคงที่เพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ ด้านราคาในประเทศไทยได้แรงหนุนจากระดับสต๊อกที่ต่ำตามฤดูกาล (ม.ค.157,7459 ตัน) ดังนั้นเลือกเก็งกำไร UVAN* (PER 8.85x) ที่น่าจะได้ประโยชน์ทั้งจากการขายในประเทศและการส่งออก (อยู่ใน 10 อันดับแรกที่ส่งออกในปี 64

 

SHR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.70 บาท) การดำเนินงานช่วง 4Q64 ขาดทุนสุทธิที่ 70 ลบ. (ขาดทุนลดลงจาก 3Q64 ที่ 282 ลบ. และ 4Q63 ที่ 1,196 ลบ.) ฟื้นตัวได้รวดเร็วจากพอร์ตโรงแรมที่มีสัดส่วนอยู่ใน UK จำนวนมาก(สัดส่วนรายได้ราว 35% ในช่วงปกติ) และเป็นประเทศที่ประชากรได้ฉีดวัคซีน Covid-19 แล้วครบโดส > 70% ขณะรร.ใน Maldives(สัดส่วนรายได้ราว 30% ในช่วงปกติ) ฟื้นตัวได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเริ่มใกล้เคียงกับระดับปกติ ด้านรร.ในไทย(สัดส่วนรายได้ราว 20% ในช่วงปกติ) รับปัจจัยบวกจากการ Reopening ในช่วงเดือน พ.ย.64  และม.ผ่อนคลายที่ต่อเนื่อง(แม้จะมี Omicron กดดันอยู่บ้าง แต่คาดว่าผลกระทบจะน้อยกว่า Delta) ทั้งนี้ตลาดคาดว่า EPS ของ SHR* หลังจากขาดทุนในปี64 ที่ -0.34 บ./หุ้น จะกลับมาพลิกมีกำไรในปี65 และ ปี66 ที่ 0.02 บ./หุ้น และ 0.10 บ./หุ้น ตามลำดับ

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้น นักลงทุนคลายความกังวลจากสถานการณ์ยูเครน สหรัฐ-ยุโรป ban สินค้าของรัสเซียโดยเฉพาะน้ำมัน  (Goldman Sachs ประเมิน supply ของน้ำมันดิบในตลาดจะหายไป 3%)  แต่เนื่องจากสถานการณ์วันนี้ดูไม่ได้รุนแรงขึ้น รัสเซียเปิดทางให้มีการอพยพ ยูเครนอยากเจรจา ทำให้ตลาดหุ้นหลายๆ ที่เริ่มมีแรงซื้อกลับ จะดีต่อตลาดหุ้นไทยด้วย วันนี้ การเจรจาที่ตุรกี จะมีผลตอตลาดหุ้นทั้งทางบวกและลบตามผลการเจรจา(คาดว่าน่าจะดี) 

 

ตลาดสินทรัพย์ดิจิตอลปรับตัวขึ้นหลังจาก นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังฯ ของสหรัฐฯ ออกมาแถลงในโทนบวกเกี่ยวกับการใช้ระเบียบของคริปโต ในทางจิตวิทยาอาจจะเป็นข่าวบวกที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน

 

หุ้นใหญ่ขึ้น XD วันนี้ SYNEX(@0.52), SIS(@1.20), BKI(@5.00)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ บริษัทที่แถลงแผนธุรกิจ (GGC, BANPU, SCC)

 

ทั้งนี้ คาดตลาดดีขึ้นชั่วคราว เพราะนักลงทุนเริ่มเห็นว่า ความแข็งกร้าวของทั้งยูเครนและรัสเซียดูจะลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้มากนัก ความเห็นของเราในวันก่อน ที่ดัชนีฯ 1619 จุด ได้เข้าโซนซื้อแล้ว สำหรับผู้ที่รอจังหวะซื้ออยู่ควรเริ่มซื้อ หุ้นที่ราคาลงมามากๆ อาทิ KCE, IVL, CPF, SCGP

 

ถ้าตลาดหุ้นดีขึ้น จะเป็นลบต่อผู้ทองคำ พันธบัตร และหุ้นน้ำมัน จึงควรเลือกขายทำกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงไว้ด้วย

 

copy trade หุ้นฝรั่ง หุ้นลำดับแรกๆ ที่ฝรั่ง net buy วานนี้มากที่สุดคือ MEGA, KBANK, BDMS, TIDLOR 

 

ฝ่ายวิจัยนำ LANNA, PSL  ออกจากพอร์ต และเพิ่ม KCE, KBANK, JMART เข้ามาแทน  หุ้นในพอร์ตวันนี้ จะประกอบด้วย KCE(10%) , KBANK(10%) , JMART(10%),TIDLOR(10%), UBE*(10%), IMH*(10%), ADVANC(10%), BAM(10%)

 

Strategy Stock Pick

JMART*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 57.00 บาท) “ลุ้นราคาหุ้นฟื้นแรง รับเทคต่างประเทศเปิดทางคริปโตฯ”

• ประเมินราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นแรง ล้อไปกับหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัวแรงตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่เริ่มผ่อนคลาย ด้านสหรัฐ (เยลเลน) ให้ความเห็นเชิงบวกในการจัดระบบคริปโต

• ตั้งเป้า Market Cap แตะ 5 แสน ลบ. ภายใน 3 ปี บ. ในเครือมีศักยภาพเติบโตสูง J Venture (บ. เทค ลูกนอกตลาด) จะช่วยเติมเต็ม Eco-System ของ J-Group

• Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 1.8 พัน ลบ. และ 2.5 พัน ลบ. -25%YoY, +38%YoY ตามลำดับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง