รีเซต

นักดาราศาสตร์เผยภาพดาวหาง C/2025 K1 (ATLAS) แตกเป็น 3 ชิ้น หลังโคจรเฉียดเข้าใกล้ดวงอาทิตย์

นักดาราศาสตร์เผยภาพดาวหาง C/2025 K1 (ATLAS) แตกเป็น 3 ชิ้น หลังโคจรเฉียดเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
TNN ช่อง16
15 พฤศจิกายน 2568 ( 10:48 )
6

นักดาราศาสตร์ทั่วโลกกำลังจับตาปรากฏการณ์ดาวหาง C/2025 K1 (ATLAS) ที่ถูกค้นพบไม่ถึงหนึ่งปีมานี้ ได้เริ่มแตกตัวอย่างรุนแรงหลังเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยในคืนวันที่ 11 พฤศจิกายน กล้องโทรทรรศน์สามารถบันทึกภาพการแตกออกของดาวหางเป็น 3 ชิ้นส่วนหลัก ได้อย่างชัดเจน ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าดาวหางดวงนี้เสียความเสถียรหลังเผชิญสภาพแวดล้อมรุนแรงบริเวณดวงอาทิตย์

การแตกตัวเกิดขึ้นหลังการผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งความร้อนและแรงโน้มถ่วงมหาศาลดูเหมือนจะทำลายโครงสร้างแกนกลางของดาวหางที่มีอายุยาวนานนับพันล้านปีจนไม่สามารถคงสภาพเดิมได้อีกต่อไป

ภาพถ่ายที่เผยแพร่ในวันที่ 11-12 พฤศจิกายน จากกล้องโทรทรรศน์ Copernicus ขนาด 1.82 เมตร ณ หอดูดาวเอเชียร์โก (Asiago) ประเทศอิตาลี แสดงให้เห็นชัดเจนว่าดาวหางได้แยกเป็นสองชิ้นส่วนสว่างที่อยู่ห่างกันราว 2,000 กิโลเมตร พร้อมชิ้นส่วนที่สามซึ่งจางกว่าเลื่อนตัวอยู่ใกล้บริเวณด้านซ้ายของวัตถุหลัก นักวิจัยมาซ็อตต้า เอปิฟานี (Mazzotta Epifani) ยืนยันว่าโครงสร้างที่เห็นสอดคล้องกับการแตกตัวของแกนกลางดั้งเดิม

นอกจากนี้ ยังมีการสังเกตการณ์จากอีกตำแหน่งหนึ่งโดยนักดาราศาสตร์ Gianluca Masi จากโครงการ Virtual Telescope Project ซึ่งสามารถบันทึกภาพในคืนวันที่ 12-13 พฤศจิกายน ได้อย่างละเอียด ภาพเคลื่อนไหวที่เขาเผยแพร่แสดงให้เห็นว่าเศษชิ้นส่วนของดาวหางมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและตำแหน่งภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง สะท้อนถึงการสลายตัวอย่างต่อเนื่องหลังการแตกครั้งแรก ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติสำหรับดาวหางที่เข้าสู่ระบบสุริยะชั้นในเป็นครั้งแรก

ดาวหาง C/2025 K1 (ATLAS) ถูกค้นพบในเดือนพฤษภาคมปี 2025 และมีการเพิ่มความสว่างอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อมันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น ความร้อนที่เพิ่มขึ้นทำให้ก๊าซแข็งในแกนกลางระเหิดกลายเป็นก๊าซสร้างโคมา (Coma) และก่อตัวเป็นหางดาวหางที่พัดออกไปตามแรงลมสุริยะ

นักดาราศาสตร์เชื่อว่าดาวหางดวงนี้มีต้นกำเนิดจากแถบไคเปอร์ (Kuiper Belt) บริเวณส่วนขอบนอกของระบบสุริยะ และนี่อาจเป็นการเดินทางเข้าสู่ระบบสุริยะชั้นในเป็นครั้งแรกของมัน ทำให้โครงสร้างภายในยังคงบริสุทธิ์คล้ายแคปซูลเวลา (Pristine time capsule) ที่บรรจุข้อมูลของสสารต้นกำเนิดของระบบสุริยะ อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาองค์ประกอบดั้งเดิมของเนบิวลาดาวเคราะห์ที่ให้กำเนิดโลก

แม้เหตุการณ์นี้จะน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ดาวหาง C/2025 K1 (ATLAS) ไม่สว่างพอที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และยังมักถูกเข้าใจผิดว่าเกี่ยวข้องกับดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS ที่เป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งสองดวงไม่มีความเชื่อมโยงกัน ชื่อของดาวหางคำว่า ATLAS นั้นเป็นเพียงชื่อของโปรแกรมค้นพบดาวเคราะห์น้อยและดาวหางที่มีชื่อเต็มว่า Asteroid Terrestrial-Impact Last Alert System

และเพื่อให้เข้าใจภาพรวมง่ายขึ้น การแตกตัวของดาวหางนี้เปรียบเสมือนการนำก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ไปวางกลางทะเลทราย ความร้อนจัดทำให้โครงสร้างภายในที่เปราะบางเริ่มสูญเสียเสถียรภาพ หางไอน้ำถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ก้อนน้ำแข็งจะปริแตกและแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ C/2025 K1 (ATLAS) ในเวลานี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง