รีเซต

ธุรกิจรายย่อยทุนต่ำกว่า1ล้านเจ๊งมากสุด ก่อสร้างอาคารครองแชมป์

ธุรกิจรายย่อยทุนต่ำกว่า1ล้านเจ๊งมากสุด ก่อสร้างอาคารครองแชมป์
TNN ช่อง16
27 มกราคม 2564 ( 10:08 )
103
ธุรกิจรายย่อยทุนต่ำกว่า1ล้านเจ๊งมากสุด ก่อสร้างอาคารครองแชมป์

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เปิดเผยว่า ธุรกิจเลิกประกอบกิจการปี  63   มีจำนวน 20,920 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 91,859 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  ซึ่งประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,830 ราย   คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,081 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน   594 ราย คิดเป็น 3% สำหรับธ.ค.ที่ผ่านมาเลิกกิจการ 6,013 ราย

ทั้งนี้ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน  โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 14,438 ราย คิดเป็น 69.01% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5  ล้านบาท จำนวน 5,434 ราย คิดเป็น 25.98% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 965 ราย   คิดเป็น 4.61% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 84 ราย คิดเป็น 0.40% 

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ  ธ.ค. 63  จำนวน 769,208 ราย  มูลค่าทุน 19.17 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,015 ราย คิดเป็น 24.31% บริษัทจำกัด จำนวน 580,911 ราย คิดเป็น 75.52% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,282 ราย คิดเป็น 0.17%  

 ส่วนธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน  ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาทจำนวน 452,938 ราย คิดเป็น 58.88% รวมมูลค่าทุน 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.09% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 227,977 ราย คิดเป็น 29.64% รวมมูลค่าทุน 0.76 ล้านล้านบาท คิดเป็น 3.95% 

ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 72,225 ราย คิดเป็น 9.39% รวมมูลค่าทุน 1.97 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.29%  และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16,068 ราย คิดเป็น 2.09% รวมมูลค่าทุน 16.04 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.67% 

ด้านการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวธ.ค. 63 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจจำนวน 32 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 13 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 19 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 4,646 ล้านบาท  ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 1,103 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 605 ล้านบาท และฮ่องกง จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 1,711 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปี 63  มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น จำนวน 668 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 114,309 ล้านบาท ทั้งนี้ ธุรกิจที่ต่างชาติเข้ามาดำเนินการเป็นธุรกิจบริการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ และเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) ที่เน้นเทคโนโลยีหรือบริการที่เกี่ยวเนื่องกับดิจิทัลหรือแพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ บริการออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบระบบต่างๆ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ระบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้า และระบบรักษาความปลอดภัยของอาคารเทียบเครื่องบิน บริการรับชำระเงินและโอนเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการให้ใช้แพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจ E-commerce เป็นต้น


เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง