"ธปท." ชี้ศก.เข้าสู่บริบทใหม่โตต่ำกว่าร้อยละ 2

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัจจุบันบริบททางเศรษฐกิจของประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ธปท. จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทการทำงาน จากเดิมที่เน้นดูแลเสถียรภาพมหภาค เช่น เงินเฟ้อ สู่การเป็นผู้นำในการเข้ามาร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจมหภาค และปัญหาเชิงโครงสร้าง ควบคู่กับการดำเนินนโยบายทางการเงิน
โดยต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำลงมาก ก่อนยุคโควิด-19 เศรษฐกิจเคยเติบโตถึงร้อยละ 4 แต่ปีนี้คาดการณ์ว่าจะโตเพียงร้อยละ 2.1 และปีหน้าโตเพียงร้อยละ 1.6 ความกังวลคือ เศรษฐกิจไทยมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ New Normal ของการเติบโตที่ร้อยละ 2 หรือต่ำกว่านั้นในปีหน้า
นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจ ยังกระจายตัวไม่ทั่วถึงอย่างชัดเจนมาก โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ที่เผชิญปัญหาสินเชื่อติดลบยาวนานถึง 13 ไตรมาส หรือคิดเป็น 3 ปี ด้านครัวเรือนก็มีปัญหาหนัก รายได้บุคคลเติบโตลดลงต่อเนื่อง และมีรายได้น้อยกว่ารายจ่ายติดต่อกันมาหลายปี
ดังนั้น ปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ปัญหาด้านอุปสงค์ (Demand) หรือการบริโภคโดยทั่วไป
ดังนั้น การใช้นโยบายการเงิน โดยมีดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือหลัก จึงมีขีดจำกัดในการแก้ปัญหา เช่น การลดดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ติดต่อกัน 4 ครั้ง มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมกันปีนี้และปีหน้าต่ำกว่าร้อยละ 0.2
หาก ธปท. ยังคงใช้เพียงเครื่องมือทางการเงินหลักอย่างเดียว จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจน้อยมาก ดังนั้นแนวทางใหม่ของ ธปท. คือการออกมาตรการเฉพาะจุด เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างโดยตรง ทั้งหนี้ครัวเรือนและสินเชื่อเอสเอ็มอี โดยต้องออกซ้ำๆ เพื่อบรรเทาและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
ต่อไปนี้ ธปท. จะยื่นมือเข้าไปแก้ปัญหา และจะอยู่ใกล้ชิดกับปัญหาและประชาชนมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ ธปท. สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้มากขึ้น เพราะตอนนี้กระทรวงการคลังให้อำนาจ ธปท.เต็มที่ในการตัดสินใจออกนโยบายการเงินเพื่อดูแลเสถียรภาพประเทศ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
