ORIชูมาตรการรัฐอัพฐาน ลุยเปิดโครงการรับทรัพย์

ดร.ชาติชาย  พยุหนาวีชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีปัจจัยหนุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 1.การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนมาตรการ LTV เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย รวมถึงสินเชื่อรีไฟแนนซ์ และสินเชื่อเพื่อการตกแต่งบ้าน (LTV Ratio) ให้ 100% ของมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับการซื้อบ้านหลังที่ 1 มูลค่าเกิน 10 ล้านบาท และบ้านหลังที่ 2 มูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาทเป็นการชั่วคราว

ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อใหม่เข้ามาได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกับโครงการแนวราบ ซึ่งยังมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ทั้งในกลุ่มบ้านหลังแรก และกลุ่มทาวน์โฮมสำหรับบ้านหลังที่ 2 ซึ่งจะเข้ามาทดแทนความต้องการของคอนโดมิเนียมในระยะสั้น

*ดึงเม็ดเงินต่างชาติ

ขณะที่การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการทำงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน เพื่อเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program จะเป็นปัจจัยหนุนให้กับโครงการคอนโดมิเนียมที่ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึงยังสามารถดึงเม็ดเงินใหม่เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ

“การผ่อนคลายมาตรการLTV จะทำให้มีกำลังซื้อใหม่เข้ามาในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีมาก เพราะจะช่วยให้คนสามารถซื้อบ้านได้โดยใช้เงินดาวน์น้อยลง มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีเงินพอที่จะตกแต่งบ้านได้ด้วย ซึ่งเม็ดเงินก็จะหมุนกลับเข้ามาในระบบทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ต้นไม้ อุปกรณ์ตกแต่ง ฯลฯ

ขณะที่การดึงกลุ่มคนต่างชาติที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูงจะช่วยดูดซับโครงการคอนโดมิเนียมในระบบได้อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับผู้ประกอบการก็เริ่มที่วางแผนการเปิดโครงการใหม่อย่างรอบคอบมากขึ้น มีการทำสำรวจความต้องการคอนโด ในทำเลนั้นๆ ก่อนวางแผนก่อสร้าง ถ้าความต้องการไม่ถึง 60% ก็ไม่ดำเนินโครงการ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความสมดุลทั้งความต้องการซื้อ-ความต้องการขาย รวมถึงความสมดุลระหว่างโครงการแนวราบ-คอนโด ในพอร์ตอีกด้วย”

*เปิดประเทศฟื้นกำลังซื้อ

สำหรับมาตรการเปิดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจาก 45 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว ถือเป็นการเติมเม็ดเงินใหม่เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย เป็นการเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าจะมีรายได้ เสริมสร้างความมั่นใจในการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเป็นฐานกลุ่มคนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง (กลุ่มเรียลดีมานด์) ที่แข็งแกร่งในอนาคต

“การเปิดรับนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจต่างประเทศถือเป็นการเติมเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ทั้งการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไป และดึงกลุ่มคนที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย อาทิ กลุ่มแพทย์ วิศวกร วัยเกษียณเข้ามาพักผ่อนระยะยาว คนกลุ่มนี้ใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 15-16 ล้านบาท ถ้าเข้ามาพัก 6 เดือนใช้จ่ายเฉลี่ย 1.3 ล้านบาทในกลุ่มท่องเที่ยว-บริการ ก็จะมีการจ้างงานกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ คนก็จะมั่นใจวางแผนซื้อบ้าน วางแผนชีวิตนี่ก็เป็นปัจจัยหนุนกลับเข้ามาในกลุ่มอสังหา”

*ลุยเปิดโครงการใหม่

นายพีระพงศ์  จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI  เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2564 เพิ่มเติมอีก 9 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,295 ล้านบาท ตามแผนงานที่วางไว้ แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,695 ล้านบาท ได้แก่ 1.ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ แบริ่ง  2.ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ รามอินทรา 3.บริกซ์ตัน เกษตร ศรีราชา แคมปัส

และโครงการบ้านจัดสรร 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,600 ล้านบาท ได้แก่ 1.ไบรตัน บางปะกง 2.บริทาเนีย แพรกษา สเตชั่น 3.บริทาเนีย ติวานนท์-ราชพฤกษ์ 4.แกรนด์ บริทาเนีย พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 5.แกรนด์ บริทาเนีย นนทบุรี สเตชั่น 6.แกรนด์บริทาเนีย สุวรรณภูมิ

โดยทุกโครงการที่เปิดตัว ยังคงเปิดตัวในทำเลที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะทำเลฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯไปจนถึงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงมีการบุกเซ็กเมนต์ใหม่อย่างตลาดผู้สูงวัย (Silver  Age) รองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging  Society) ด้วยแบรนด์ใหม่ ออริจิ้น เวลเนส เรสซิเดนซ์ แบรนด์คอนโดมิเนียม Leasehold พร้อมโปรแกรมดูแลผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ไตรมาส 4/2564 จะยังคงเป็นไตรมาสที่บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดเช่นเดียวกับทุกปี คาดว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างยอดขายใหม่ในช่วงโค้งสุดท้าย หนุนภาพรวมยอดขายทั้งปีสร้างสถิติใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) ที่ 29,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้