ธ.ก.ส.ให้ของขวัญปีใหม่ช่วยลูกค้าลดภาระหนี้

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2569 ธ.ก.ส. พร้อมมอบของขวัญพิเศษ เพื่อส่งความสุขและมอบรอยยิ้มให้กับเกษตรกรลูกค้าทั่วประเทศด้วยมาตรการแบ่งเบาภาระหนี้สินและสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ 

ได้แก่ โครงการชำระดีมีโชค สำหรับลูกค้าที่ชำระหนี้และดอกเบี้ยสะสมครบทุก ๆ 1,000 บาท ทุกสัญญาภายในวัน รับโชค 2 ชั้น ได้แก่ โชคชั้นที่ 1 รับรางวัลทันทีที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ  โชคชั้นที่ 2 รับ Cashback ร้อยละ 10 ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระสะสม  เมื่อชำระหนี้ได้ครบตามกำหนดชำระ รวมทุกสัญญาสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาทต่อราย เป็นระยะเวลา 1 เดือน (ตั้งแต่วันนี้ 1 – 31 มกราคม 2569) ซึ่งลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อยตามนโยบายรัฐบาลสามารถเข้าร่วมโครงการได้ตามปกติ 

โครงการสินเชื่อแทนคุณ แทนใจ 3 สำหรับลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแทนคุณ ภายในปี 2568 และ 2569 วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท ที่สนับสนุนให้ทายาทเกษตรกรเข้ามารับช่วงต่อในการประกอบอาชีพต่อจากครอบครัว และมีส่วนร่วมในการช่วยลดภาระหนี้สินและรักษาทรัพย์สินให้คงอยู่กับครอบครัว อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ปีที่ 1 - 5 อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.625 ต่อปี) ปีที่ 6 – 10 อัตราดอกเบี้ย MRR - 1 และปีที่ 11 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย MRR - 2 และรับทันที ความคุ้มครองชีวิตผ่านกรมธรรม์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธกส รักคุณ แบบ 2 พร้อมให้ความคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท โครงการ “อุ่นใจปีใหม่ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ” 

สำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เรื้อรัง รับทันที กรมธรรม์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต “ธกส รักคุณ” แบบ 1 วงเงินคุ้มครอง 100,000 บาท (จำกัด 1 ราย/สิทธิ์) และแคมเปญรักคุณ รับปีใหม่ 2569 เมื่อสมัครผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ ธกส รักคุณ (แบบ 2) ทุกอัตราการส่งชำระ เมื่อได้รับการอนุมัติ จะได้รับเงินคืน จำนวน 69 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. (จำกัด 1 สิทธิ์/คน) โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มกราคม 2569 

นายฉัตรชัยกล่าวว่า การมอบของขวัญปีใหม่แทนคำขอบคุณในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สิน รวมถึงร่วมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับเกษตรกรที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า