เปิดห้าง17พ.ค. ต้องผ่าน 3 สเต็ป เร่งตรวจโควิดให้ครบ'4แสนราย-6กลุ่มเสี่ยง’
โควิด-19 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19(ศบค.) เปิดเผยว่าสธ.เสนอในที่ประชุม เรื่องการตรวจเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและค้นหาประชากรกลุ่มเสี่ยงหรือสถานที่เสี่ยง โดยต้องพัฒนาตรวจหาประชากรเสี่ยงให้มากที่สุด โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคเสนอว่า เป้าหมายต้องตรวจให้ได้ 6,000 รายต่อ 1 ล้านประชากร คิดคำนวณออกมาแล้วคือประมาณ 4 แสนราย ซึ่งมีการตรวจไปแล้ว 2.3 แสนราย เพราะฉะนั้นเหลืออีก 1.7 แสน ที่จะต้องดำเนินการ เพื่อจะได้มั่นใจและตอบโจทย์ทฤษฎี
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงโอกาสการผ่อนคลาย โดยเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า หากสถานการณ์ดีขึ้น ได้เปิดแน่นอน โดยไทม์ไลน์ของการผ่อนคลายในระยะที่ 2 ที่ถูกกำหนดไว้นั้น จะรับฟังความเห็นในระหว่างวันที่ 8-12 พฤษภาคม วันที่ 13 พฤษภาคม ซักซ้อมความเข้าใจ วันที่ 14 พฤษภาคม ยกร่างมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ก่อนที่วันที่ 17 พฤษภาคม จะเริ่มระยะที่ 2 อย่างเป็นทางการ ดังนั้นถ้าอยากจะมีพื้นที่เดินผ่อนคลาย หรือห้างที่ติดแอร์ดูของสวยๆ งามๆ ต้องทำวันนี้ให้ดี ทั้งนี้หากเชื้อยังเป็นตัวเลขหลักเดียว ก็จะได้ไปในสถานที่ที่อยากจะไปอีกหลายที่มากขึ้น
ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงเกณฑ์การใช้วิธีการค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 แบบเชิงรุกในชุมชน (Active Case finding) ว่าที่ประชุม ศบค.มีข้อสั่งการให้เร่งดำเนินการคือ การตรวจเพื่อเฝ้าระวังและค้นหาในกลุ่มประชากรเสี่ยง หรือสถานที่เสี่ยง เพื่อสร้างความมั่นใจในการควบคุมป้องกันโรค โดยประชากรกลุ่มเสี่ยงนั้น ดูจากกลุ่มซึ่งมักจะรวมตัวกันเป็นจำนวนมากๆ
การทำงานเสี่ยงด้วยการไปพบปะผู้คนจำนวนมากๆ และกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญลำดับต้น ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ 2.กลุ่มผู้ต้องขัง ในเรือนจำ 3.ผู้ต้องกักคือบุคคลที่อาจจะอยู่ในส่วนของศูนย์กักกันฯ 4.คนขับรถ หรือพนักงานประจำรถสาธารณะ 5.กลุ่มแรงงาน ทั้งชาวไทยและต่างด้าว และ 6.กลุ่มอาชีพอื่นๆ เช่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ แม่ค้าพ่อค้าในตลาด หรือห้างสรรพสินค้า สำหรับสถานที่เสี่ยง เช่น 1.ชุมชนแออัด 2.ศาสนสถาน 3.สถานีขนส่งผู้โดยสาร ทั้งเส้นทางบก น้ำ อากาศ และ 4.สถานีรถไฟฟ้า
นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ขณะนี้ตั้งเป้าภายใน 1-2 เดือน จะเร่งรัดให้มีการตรวจให้ได้ถึง 6,000 รายต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งคำนวณออกมาที่จะต้องตรวจ นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา จนถึงเป้าที่ตั้งไว้ จะต้องสะสมประมาณมากกว่า 4 แสนตัวอย่าง ตอนนี้ตรวจไปประมาณ 230,000 ตัวอย่าง หมายความว่าต้องตรวจเพิ่มอีกประมาณ 170,000 ตัวอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล เผยแพร่ผลการประชุม ศบค. ซึ่งแต่ละกระทรวงได้รายงานการปฏิบัติงานต่างๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศรายงานการนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ โดยมีคนไทยแสดงความประสงค์กลับไทย 45,147 คน แบ่งเป็น ทางบก 25,660 คน ทางอากาศ 19,487 คน