รีเซต

“ทรัมป์” อาจถูกจับ รีพับลิกันชี้พิษการเมือง

“ทรัมป์” อาจถูกจับ รีพับลิกันชี้พิษการเมือง
TNN ช่อง16
20 มีนาคม 2566 ( 12:13 )
85
“ทรัมป์” อาจถูกจับ รีพับลิกันชี้พิษการเมือง



ปิดข่าวสัมพันธ์เชิงชู้สาว


อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 76 ปีของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความลงสื่อสังคมออนไลน์ Truth Social ของตัวเอง เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ระบุคาดว่า เขาจะถูกจับในวันอังคารหน้า (21 มีนาคม) เกี่ยวกับข้อกล่าวหาปกปิดการจ่ายเงินปิดปาก เพื่อกลบเรื่องฉาวสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ “สตอร์มี แดเนียลส์” หรือชื่อจริง คือ สเตฟานี คลิฟฟอร์ด อดีตดาราหนังผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016  


โดยทรัมป์อ้างว่า ข่าวรั่วมาจากสำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาออกมาประท้วงต่อต้านและทวงคืนประเทศ


ทั้งนี้ การสอบสวนมุ่งไปที่ข้อกล่าวหาการจ่ายเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.4 ล้านบาท ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งปี 2016 เพื่อแลกกับการที่สตอร์มี แดเนียลส์ ไม่เปิดเผยสัมพันธ์ฉาวทางเพศที่ฝ่ายหญิงอ้างว่ามีกับทรัมป์มาหลายปีก่อนหน้านั้น

     



“ทรัมป์” อาจเป็นอดีตปธน.คนแรกที่ถูกตั้งข้อหาคดีอาญา


ขณะที่อัยการเขตแมนฮัตตันที่สอบสวนเรื่องนี้มากว่า 5 ปี และมีการสอบปากคำอดีตผู้ช่วยของทรัมป์ด้วยหลายคน กำลังชั่งน้ำหนักและพยานหลักฐานว่าจะตั้งข้อหาทรัมป์หรือไม่ ท่ามกลางข่าวลือว่าโอกาสที่ทรัมป์จะถูกจับตั้งข้อหาอาญามีอยู่สูง แต่อัยการเขตแมนฮัตตันยังไม่แถลงการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องคดีส่วนนี้ของทรัมป์ 

     

หากข่าวลือดังกล่าวเป็นจริง ทรัมป์จะเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ที่ถูกตั้งข้อหาคดีอาญา และจะส่งผลต่อความพยายามลงสมัครเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกัน เพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า


นอกจากเรื่องฉาวนี้แล้ว ทรัมป์กำลังถูกสอบสวนข้อกล่าวหาคดีอาญาอีกหลายกระทงในระดับรัฐและส่วนกลาง ทั้งระหว่างและหลังดำรงตำแหน่งสมัยแรก โดยที่รัฐจอร์เจีย อัยการกำลังสอบสวนทรัมป์และพันธมิตร ในข้อกล่าวหาพยายามพลิกผลเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาเป็นฝ่ายแพ้ 


รวมทั้งยังอยู่ระหว่าถูกสอบสวนข้อกล่าวหาการจัดการเอกสารลับโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และข้อกล่าวหาพัวพันเหตุจลาจลที่กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้ายึดอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021






รีพับลิกันชี้ มีแรงจูงใจทางการเมือง


อย่างไรก็ตาม บรรดาแกนนำพรรครีพับลิกัน ต่างประสานเสียงว่า การดำเนินคดีทรัมป์นั้นมีแรงจูงใจทางการเมืองโดยฝั่งตรงข้าม โดยไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีในสมัยทรัมป์ และเควิน แมคคาร์ธีย์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ต่างแสดงความเห็นต่อต้านการดำเนินคดีทางอาญาต่อทรัมป์


เพนซ์กล่าวว่า อัยการอัลวิน แบรคค์ของเขตแมนฮัตตันนั้น เป็นเดโมแครต และกำลังดำเนินคดีทรัมป์ด้วยเหตุผลทางการเมือง


ด้านทรัมป์ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องผู้สนับสนุนให้จัดการประท้วงครั้งใหญ่ และยังกล่าวหาสำนักงานของแบรคค์ที่ปล่อยข้อมูลให้แก่นักข่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 


ขณะที่เพนซ์กล่าวว่า พลเมืองสหรัฐฯ มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะรวมตัวกันอย่างสันติ แต่ต้องเป็นการกระทำที่สันติและอยู่ในกรอบของกฎหมาย


ส่วนแมคคาร์ธีย์ เรียกการสอบสวนครั้งนี้ว่า เป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบอย่างรุนแรงโดยอัยการสุดโต่ง และเขาสัญญาว่าจะสอบสวนว่างบประมาณของรัฐบาลกลางนั้นกำลังถูกนำไปใช้เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งด้วยการดำเนินคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่




“ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย”


ด้านฝั่งพรรคเดโมแครตยืนยันว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ และตำหนิทรัมป์ ที่สร้างความแตกแยกทางการเมือง โดยวุฒิสมาชิก เอลิซาเบ็ธ วอร์เรน ของเดโมแครตกล่าวว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะเคยเป็นประธานาธิบดีก็ตาม และต้องปล่อยให้การสอบสวนดำเนินต่อไปได้อย่างเหมาะสม ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาประท้วง 


ขณะที่ แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาฯ สหรัฐฯ กล่าวว่า คำกล่าวของทรัมป์นั้นไร้ความรับผิดชอบ และมีขึ้นเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสื่อและปลุกระดมความไม่สงบในกลุ่มผู้สนับสนุนของเขา 


เพโลซี ยังระบุว่า ทรัมป์ไม่สามารถหลบหลีกจากการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมาย ไม่เคารพการเลือกตั้งและยั่วยุให้เกิดความรุนแรงได้ มันถูกต้องแล้วที่ระบบกฎหมายของเราจะตัดสินใจที่จะเอาผิดเขา

————

แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง 

ภาพ: Reuters


ข้อมูลอ้างอิง: 

12


ข่าวที่เกี่ยวข้อง