วิจัยพบโควิด-19 'โอไมครอน' พันธุ์ย่อย ระบาดเร็วใน 'บังกลาเทศ'
ธากา, 11 ก.พ. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) สถาบันระบาดวิทยา การควบคุมโรค และการวิจัย (IEDCR) สังกัดกระทรวงสาธารณสุขบังกลาเทศ ยืนยันการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จำนวนมากในประเทศ ที่สามารถแกะรอยไปถึงเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 (BA.2) ซึ่งมีแนวโน้มติดต่อได้ง่ายกว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ดั้งเดิมบีเอ.1 (BA.1)
เอเอสเอ็ม อาลัมเกียร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่าปัจจุบันเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดหนักที่สุดในบังกลาเทศ
อาลัมเกียร์ระบุว่าตัวอย่าง 148 รายการ ที่ถูกทดสอบระหว่างวันที่ 1-31 ม.ค. พบเป็นเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน 118 รายการ (ร้อยละ 80) และเป็นเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา 30 รายการ (ร้อยละ 20) โดยเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.1 และสายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในจำนวนตัวอย่างทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 39 และร้อยละ 41
ขณะเดียวกันสถาบันฯ ยังตรวจพบเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา สายพันธุ์ย่อยเอวาย.131 (AY.131) ที่ร้อยละ 18 และสายพันธุ์เดลตา สายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ที่ร้อยละ 2 โดยเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 กลายเป็นสายพันธุ์หลักในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคม 2022 โดยพบที่ร้อยละ 79
ด้านมหาวิทยาลัยการแพทย์บังคาบันดูชีคมูจิบ (BSMMU) ในกรุงธากาของบังกลาเทศ เปิดเผยว่าร้อยละ 82 ของผู้มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก ช่วงสามสัปดาห์ระหว่างวันที่ 19 ม.ค.-9 ก.พ. ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน
ศาสตราจารย์เอ็มดี ชาร์ฟุดดิน อาห์เหม็ด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ แบ่งปันผลการศึกษาฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุว่าขณะนี้มีการตรวจพบเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.1 บีเอ.1.1 และบีเอ.2 มากขึ้น พร้อมอ้างอิงองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 นั้นสามารถติดต่อกันได้สูง