บล.กสิกรฯมองเงินเฟ้อสหรัฐฯกลับสู่ภาวะปกติ คาดปรับลดลงต่อในครึ่งปีแรก 68

#cpi #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
คาดเงินเฟ้อกลับมาปรับลดลงต่อในครึ่งปีแรก 2568
US CPI เพิ่มขึ้นต่อในเดือน ธ.ค.67 มาอยู่ที่ 2.9% YoY โดยเพิ่มขึ้นจาก 2.7% YoY ในเดือนพ.ย.67แต่ตัวเลขที่ออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาดไว้
เราคาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะกลับสู่ภาวะปกติในครึ่งแรกปีนี้ โดยคาดตัวเลขอาจเริ่มปรับลดลงได้ตั้งแต่เดือนม.ค.68 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าตลาดจะยังคงฝันผวนจากผลกระทบของนโยบายการค้าและภาษีศุลกากรของ โดนัลด์ ทรัมปี หลังจากพิธีสาบานตนในสัปดาห์หน้า
Key Highlights
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำ
ดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวม (CPI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.4% MoM และ 2.9% YoY ในเดือนธ.ค.2567 เพิ่มขึ้นจาก 2.7% YoY ในเดือนพ.ย.2567 แต่สอดคล้องกับที่ตลาดคาดไว้ ขณะเดียวกัน CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาพลังงาน และอาหารเพิ่มขึ้น 0.2% MoM และ 3.2% YoY ในเดือนธ.ค.2567 ลดลงจากที่ 3.3% YoY ในเดือนพ.ย.2567 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 3.3% YoY เล็กน้อย ปัจจัยหนุนหลักมาจากราคาพลังงานทั้งในเชิง MoM และ YoY
Implication and Recommendation
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากราคาพลังงานเป็นหลัก
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2567 ตามคาด โดยเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น YoY มีปัจจัยหนุนจากฐานที่ต่ำในช่วงปลายปี 2566 ในช่วงที่ราคาพลังงานปรับลดลงจากความกังวลเรื่องสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และอุปสงค์พลังงานที่อ่อนแอโดยเฉพาะหลังราคาพลังงานเพิ่มขึ้นแรงจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้นในเชิง MoM มีสาเหตุจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นหลังกลุ่ม OPEC ขยายระยะเวลาลดการผลิตน้ำมันดิบลงจากสิ้นปี 2567 เป็นไตรมาส 1/2568
อย่างไรก็ดี เรามองว่าแรงกดดันต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังจะลดลงต่อทั้งนี้เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมรายการที่ผันผวน เช่น ราคาพลังงานและอาหารปรับยังเป็นภาพของการปรับตัวลดลงได้
คาดกลับสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังปีนี้
ตลาดคาดการณ์การกลับมาของอัตราเงินเฟ้อและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่น้อยลงในปี 2568 แต่เรามองว่าคาดการณ์ในตลาดช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างจะเป็นไปในลักษณะสุดโต่ง โดยการกลับมาของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2567ท่าให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าภาพรวมนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเราประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จะกลับมาปรับลดลงอีกครั้งและค่อยๆกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% ในครึ่งแรกของปี 2568โดยอาจเห็นการปรับลดลงของเงินเฟ้อตั้งแต่เดือนม.ค.2568 แต่ตัวเลข CPI ของเดือนม.ค.2568จะประกาศในกลางเดือนก.พ. 2568 ซึ่งหมายความว่า ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อาจยังคงสูงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าไปจนกว่าความคาดหวังนี้จะได้รับการยืนยันจากข้อมูลที่รายงานออกมา โดยเฉพาะเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า ซึ่งทุกสายตาจะจับตามองไปที่นโยบายการค้าและภาษีศุลกากรหลังจากกลับมาดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เรามองดัชนี SET อาจยังคงผันผวน แม้จะมีความเสี่ยงเชิงลบลดลงหลังดัชนีปรับลดลงมาแล้วตั้งแต่ต้นปี มองดัชนี SET น่าจะสามารถยืนรักษาระดับแนวรับสำคัญที่ 1,320-1,340 จุด โดยมีแนวต้านด้านบนที่ประมาณ 1,400 จุด ในระยะสั้นซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญ
เราชอบบริษัทขนาดใหญ่ที่มีอัตราตอบแทนสูงหรือการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพ เช่น กลุ่มธนาคาร (KTB), ค้าปลีก (CRC) และอสังหาฯ (CPN) รวมถึงไปอาจเล่นเก็งกำไรการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มที่มีการปรับตัวลงมาล็ก เช่น กลุ่มการเงิน (MTC), การแพทย์ (BCH), ปิโตรเคมี (PTTGC), วัสดุก่อสร้าง (SCC) และก่อสร้าง (CK)