"กองทุนเงินทดแทน" พร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลลูกจ้างเนื่องจากการทำงาน
วันนี้ (8 ก.ค.65) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ชี้แจง “กองทุนเงินทดแทน” เป็นเสมือนหลักประกันความปลอดภัยให้กับลูกจ้างกรณีเจ็บป่วย อันตรายเนื่องจากการทำงาน ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต จากการทำงานให้นายจ้าง โดย “กองทุนเงินทดแทน” เป็นกองทุนที่นายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินสมทบเป็นรายปีให้กับสำนักงานประกันสังคม
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า ประเด็นความปลอดภัยในการทำงานของกลุ่มแรงงาน เป็นประเด็นปัญหาระดับประเทศและหลายฝ่ายให้ความสนใจในการหาแนวทางให้หลักประกันและความคุ้มครองการป้องกันอันตราย และสร้างความปลอดภัยจากการทำงาน โดยการรณรงค์และสร้างมาตรการ หลักเกณฑ์ ข้อกฎหมาย การปฏิบัติต่างๆ ซึ่งออกมาเพื่อรองรับผลกระทบสำหรับผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน
กองทุนเงินทดแทน เป็นกองทุนที่ให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างที่ประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย หรือถึงแก่ชีวิต อันเนื่องมาจากการทำงาน หรือจากโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะ หรือสภาพงาน หรือโรคที่เกิดขึ้นจากการทำงาน อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ปัจจุบันดำเนินงานตามพ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ.2537 โดยสาระสำคัญคือ เพื่อให้เอื้อประโยชน์และสามารถให้ความคุ้มครองดูแลลูกจ้าง นายจ้าง ได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมยิ่งขึ้น และให้ความคุ้มครองดูแลลูกจ้าง นายจ้าง ได้อย่างเหมาะสม
“คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าลูกจ้างจะมีสิทธิในทางประกันสังคมเฉพาะในมาตรา 33 เท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้วลูกจ้างยังมี “กองทุนเงินทดแทน” ซึ่งเป็นกองทุนที่นายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินสมทบเป็นรายปีให้กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อใช้ในกรณีที่ลูกจ้างเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ ทุพพลภาพ หรือประสบอันตรายเสียชีวิต จากการทำงานให้นายจ้าง เช่น กรณีที่ลูกจ้างหรือพนักงานประสบอุบัติเหตุจากการใช้เครื่องจักรในขณะปฏิบัติงาน ตรงนี้กองทุนเงินทดแทนจะเป็นฝ่ายจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยให้กับพนักงาน เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายๆ คือ กองทุนเงินทดแทนเป็นส่วนที่นายจ้างจ่ายเงินสมทบและให้ความคุ้มครองลูกจ้างเฉพาะจากการทำงาน”นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ลูกจ้างรายใดที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับกองทุนเงินทดแทน สามารถตรวจสอบรายละเอียดสิทธิประโยชน์กรณีต่างๆ ของกองทุนเงินทดแทน ได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วนประกันสังคม 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง.
ข้อมูลจาก สำนักงานประกันสังคม
ภาพจาก สำนักงานประกันสังคม / TNN ONLINE