กระแสต้านเหยียดผิวลามไม่หยุดทั่วโลก
การประท้วงเพื่อต่อต้านการเหยียดผิวซึ่งมีต้นกำเนิดจากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ในสหรัฐฯ ลุกลามไปทั่วโลกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ประท้วงไม่สนใจคำเตือนของเจ้าหน้าที่รัฐที่หวั่นเกรงว่า การออกมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมากจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19
ที่อังกฤษ มีกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากออกมาร่วมแสดงพลังในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งการชุมนุมส่วนใหญ่เป็นไปโดยสงบ แม้จะมีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประปราย โดยมีการชุมนุมประท้วงทั้งในกรุงลอนดอน แมนเชสเตอร์ กลาสโกว์ นอตติงแฮม และวูฟแฮมตัน
ขณะที่ในเมืองบริสตอล ผู้ประท้วงได้พังรูปปั้นที่ระลึกถึงผู้ค้าทาสก่อนจะนำไปโยนลงน้ำ เพื่อแสดงการคัดค้านการเหยียดเชื้อชาติและเหยียดผิว โดยมีรายงานเหตุวุ่นวายในลอนดอน ซึ่งทำให้มีการจับกุมคนไป 12 ราย และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 8 นาย
ในเบลเยียม เจ้าหน้าที่ได้ใช้แก๊สน้ำตาและปีนใหญ่ฉีดน้ำเพื่อสลายฝูงชนหลายร้อยคนที่มารวมตัวกันใจกลางกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ออกมาร่วมประท้วงกว่าหมื่นคน โดยมีรายงานการจับกุมผู้ประท้วงบางราย
เช่นเดียวกับในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่กลุ่มผู้ประท้วงพากันออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมให้คนผิวสีทั้งในอิตาลี สหรัฐ และทั่วโลก
ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐเป็นจุดหมายของผู้ประท้วงในประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป ไม่ว่าจะในโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก ในกรุงบูดาเปสต์ของฮังการี หรือในกรุงมาดริดของสเปน ซึ่งได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคอยรักษาความปลอดภัยกันอย่างเต็มที่
ส่วนที่สหรัฐ แม้หลายเมืองจะมีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิว แต่กลุ่มผู้ประท้วงยังคงออกมารวมตัวกัน การประท้วงทั่วไปเป็นไปอย่างสงบ หลังสัปดาห์ก่อนมีผู้ฉวยโอกาสบุกปล้นข้าวของและพังร้านค้า นับตั้งแต่เกิดการประท้วงขึ้นในสหรัฐ มีรายงานผู้ถูกจับกุมไปแล้วมากกว่าหมื่นคน