รีเซต

ชายแดนระอุ! สธ. ปิดโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มอีก 2 แห่ง

ชายแดนระอุ! สธ. ปิดโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มอีก 2 แห่ง
TNN ช่อง16
10 ธันวาคม 2568 ( 13:46 )
10

ที่ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (PHEOC) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วย นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า 

ขณะนี้มีโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงปิดบริการชั่วคราวเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ รพ.โคกสูง จ.สระแก้ว จากที่ปิดไปแล้ว 8 แห่ง (รพ.น้ำยืน รพ.นาจะหลวย รพ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, รพ.กันทรลักษ์ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ, รพ.กาบเชิง รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ จ.สุรินทร์, รพ.ตาพระยา จ.สระแก้ว) รวมเป็น 10 แห่ง และปิดให้บริการบางส่วนอีก 9 แห่ง ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยใน 552 ราย ไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัย ส่วน รพ.สต. ในพื้นที่เสี่ยงปิดบริการบางส่วน 7 แห่ง และปิดชั่วคราว 173 แห่ง

 “วันนี้ศูนย์ปฏิบัติการฯ ยังได้จัดซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise) การอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามแผนระดับ 1 – 3 โดยมีผู้บริหารส่วนกลาง ผู้บัญชาการเหตุการณ์/กลุ่มภารกิจต่างๆ ของศูนย์ปฏิบัติการฯ ระดับเขต และผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป เขตสุขภาพที่ 6, 9, 10 สำนักงานสาธารณสุข 7 จังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ในจังหวัดนครนายก สระบุรี สกลนคร ขอนแก่น มหาสารคาม และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ร่วมฝึกซ้อมแผน เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น” นพ.เอกชัยกล่าว

 นพ.เอกชัยกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดระบบ Telemedicine ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการต่อเนื่อง ทั้งการติดตามอาการ ตรวจประเมิน ให้คำแนะนำกับผู้ป่วยนอกที่มีนัดกับโรงพยาบาลที่ปิดบริการ และติดตามอาการผู้ป่วยในที่จำหน่ายกลับบ้าน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงประสานให้ผู้อพยพที่มีอาการเจ็บป่วยหรือโรคเรื้อรังได้พบแพทย์ทางไกลโดยไม่ต้องเคลื่อนย้าย 

ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์พักพิงเพิ่มเป็น 849 จุด ประชาชนเข้าพัก 199,618 คน ในจำนวนนี้ เป็นกลุ่มเปราะบาง 40,786 คน มากที่สุดเป็นผู้สูงอายุ 28,173 คน ได้จัดเจ้าหน้าที่และบุคลากรการแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และจัดทีมปฏิบัติการด้านสุขภาพลงพื้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (MERT/Mini-MERT) 46 ทีม ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง (ALS) 30 ทีม ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค 108 ทีม 

ทีมปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 69 ทีม และทีมช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต 96 ทีม โดยจากการคัดกรองสุขภาพจิตประชาชนในอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ตราด สระแก้ว และจันทบุรี รวม 19,030 ราย พบเครียดสูงและเสี่ยงทำร้ายตนเองรวม 196 ราย ได้ให้การปฐมพยาบาลทางจิตใจและส่งเข้ารับการดูแลตามกระบวนการ พร้อมติดตามดูแลใกล้ชิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง