ศบค. แจงปมเปิดห้างไม่เปิดโรงเรียน ชี้ ไม่เหมือนกัน เหตุเด็กเสี่ยงติดเชื้อ ชอบเล่นสัมผัสกัน
ศบค. แจงปม เปิดห้างไม่เปิดโรงเรียน ชี้ ไม่เหมือนกัน เด็กๆเสี่ยงติดเชื้อ ชอบเล่นสัมผัสกัน ย้ำ WFH ยังต้องทำต่อไป
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. ตอบข้อซักถามถึงข้อสงสัยว่า ทำไมห้างสรรพสินค้าเปิดได้ แต่โรงเรียนเปิดไม่ได้ว่า สองเรื่องถือว่า มีข้อแตกต่างกัน ห้างสรรพสินค้าสำหรับคนที่มีกิจการ หรือคนที่จะต้องเข้าไปจับจ่ายซื้อของ จึงต้องมีมาตรการดูแล เพราะสำคัญต่อชีวิตประจำวัน
แต่การศึกษาเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีความเสี่ยง เปราะบาง เพราะตามนิสัยของเด็กชอบเล่นสัมผัสกัน มีโรคประจำตัวติดเชื้อได้บ่อย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน จึงมีโอกาสที่เด็กคลุกคลีกัน ติดเชื้อได้ง่าย หรือเด็กนำเชื้อกลับไปติดผู้ใหญ่ที่บ้านได้ ดังนั้น มาตรการทั้งหมดคณะกรรมการวิชาการศึกษากันมาอย่างดี โดยนำชุดข้อมูลจากต่างประเทศมาศึกษา จุดที่มีความเสี่ยงจึงต้องชะลอการเปิดไป โดยระหว่างนี้การเรียนเกิดขึ้นได้ทุกจุด พัฒนาการของเด็กเกิดขึ้นได้ทุกที่ แม้จะมีความติดขัดที่ผู้ปกครองต้องออกไปทำงาน เราก็เข้าใจ แต่มาตรการเหล่านี้กำลังหาทางผ่อนคลายและให้กลับเข้ามาสู่ชีวิตวิถีใหม่ให้ได้ อาจจะไม่ทันใจบ้างก็ต้องกลับขออภัย
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า หน่วยงานราชการยกเลิกการทำงานที่บ้าน หรือ WFH แล้ว นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การให้ทำงานที่บ้านยังเป็นมติจากคณะรัฐมนตรี และในการประชุมศบค. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ. ยังยืนยันว่า การทำงานที่บ้านเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะต้องทำให้ได้อย่างน้อย 50% ขึ้นไปไม่เช่นนั้นจะต้องไปแออัดกันในบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน ดังนั้น การทำงานที่บ้าน และการทำงานเหลื่อมเวลาจึงมีความสำคัญจำเป็นที่จะต้องมี และขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน เพราะนี่คือชีวิตวิถีใหม่ที่จะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน