‘ญี่ปุ่น-สิงคโปร์’ แชมป์ร่วม พาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดโลก ไทยรั้งอันดับ 65
บริษัทที่ปรึกษา Henley & Partners ซึ่งตั้งอยู่ในอังกฤษได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกประจำปี 2565 ท่ามกลางสภาพการเดินทางทั่วโลกที่ยังคงปั่นป่วนวุ่นวายอันเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยใช้ข้อมูลหลักจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)
การจัดอันดับหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกมีปัจจัยการพิจารณาหลักมาจากการที่ผู้ถือหนังสือเดินทางของประเทศเหล่านั้นสามารถเดินทางได้อย่างอิสระเสรีโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งทางบริษัทได้จัดทำบัญชีรายชื่อหนังสือเดินทางที่เป็นมิตรกับการเดินทางมาตั้งแต่ปี 2549 โดยล่าสุดมี 199 ประเทศ/เขตแดนที่อยู่ในการจัดอันดับดังกล่าว
อย่างไรก็ดีการจัดทำบัญชีรายชื่อในครั้งนี้ไม่ได้นำเอามาตรการชั่วคราวที่ประเทศต่างๆ กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อจำกัดในการเดินทางท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด
สำหรับประเทศที่ครองอันดับ 1 ของหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกมี 2 ประเทศ คือญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ซึ่งสามารถเดินทางเข้าประเทศต่างๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้มากถึง 192 ประเทศ
อันดับ 2 คือเยอรมนีและเกาหลีใต้ที่ 190 ประเทศ อันดับ 3 คือฟินแลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์กและสเปน 189 ประเทศ อันดับ 4 ออสเตรีย เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เนเธอแลนด์และสวีเดน 188 ประเทศ อันดับ 5 ไอร์แลนด์และโปรตุเกส 187 ประเทศ
อันดับ 6 เบลเยียม นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา 186 ประเทศ อันดับ 7 ออสเตรเลีย แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก กรีซ และมอลตา 185 ประเทศ อันดับ 8 โปแลนด์และฮังการี 183 ประเทศ อันดับ 9 ลิทัวเนียและสโลวาเกีย 182 ประเทศ และอันดับ 10 เอสโตเนีย ลัตเวีย และสโลวีเนีย 181 ประเทศ
สำหรับประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางได้รับการยกเว้นวีซ่าน้อยที่สุดหรือน้อยกว่า 40 ประเทศ/เขตแดน ที่รั้งท้ายสุดของตารางในอันดับที่ 111 คืออัฟกานิสถาน 26 ประเทศ อันดับที่ 110 อิรัก 28 ประเทศ อันดับที่ 109 ซีเรีย 29 ประเทศ อันดับที่ 108 ปากีสถาน 31 ประเทศ อันดับที่ 107 เยเมน 33 ประเทศ อันดับที่ 106 โซมาเลีย 34 ประเทศ อันดับที่ 105 เนปาลและปาเลสไตน์ 37 ประเทศ และอันดับที่ 104 เกาหลีเหนือ 36 ประเทศ
ขณะที่หนังสือเดินทางประเทศไทยในปีนี้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 65 โดยสามารถเดินทางเข้าประเทศ/เขตแดนต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าได้ 79 ประเทศ/เขตแดน ซึ่งปรับขึ้น 7 อันดับเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่อยู่ในอันดับ 72
จากตารางดังกล่าวจะเห็นได้ว่าประเทศในยุโรปจะถือครองลำดับต้นๆ ของประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนได้ทำให้เกิดความแตกต่างในการเดินทางระหว่างประเทศร่ำรวยกับประเทศยากจน เห็นได้จากมาตรการควบคุมการเดินทางที่มีการประกาศบังคับใช้กับชาติส่วนใหญ่ในแอฟริกา แต่เพิ่งจะมีการยกเลิกเมื่อเร็วๆ นี้
ในภาพรวมเสรีภาพในการเดินทางได้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยดูจากตัวเลขเฉลี่ยเมื่อครั้งที่จัดทำดัชนีครั้งแรกของบริษัทในปี 2549 ค่าเฉลี่ยของประเทศที่สามารถเดินทางไปเยือนโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าอยู่ที่ 57 ประเทศ ขณะที่ค่าเฉลี่ยในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่ามาอยู่ที่ 107 ประเทศ