รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
2 ตุลาคม 2566 ( 09:33 )
30

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้หลังเข้าใกล้แนวรับ Low เดิม 1,460+- จุด หลังจากปรับตัวลงกว่า 100 จุด ในช่วงหนึ่งเดือนทีผ่านมา ทำให้ RSI เริ่มส่งสัญญาณ Oversold ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศไม่ได้มีแรงกดดันเพิ่มเติมหลังเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ส.ค. และเงินเฟ้อยูโรโซนเดือน ก.ย. ที่ออกมาชะลอตัวต่อเนื่องและต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ส่วนสหรัฐฯรอดพ้นจาก Government Shutdown หลังผ่านร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น ทำให้มีงบประมาณใช้จนถึง 17 พ.ย. 23 ซึ่งช่วยให้มีเวลาในการเจรจาเพิ่มเติม 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคือเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่จะประกาศในวันพฤหัสฯ หากยังทรงตัวในระดับต่ำและอยู่ในกรอบล่างของเป้าหมาย 1-3% ของธปท. เราคาดว่าจะตัวช่วยให้บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายลงเช่นกัน หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ได้แก่ การแพทย์ สื่อสารฯ ธนาคาร พลังงานต้นน้ำ เป็นต้น จากแนวโน้มกำไร 3Q23 ที่แข็งแรง ขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่มีโอกาสฟื้นตัวได้ระยะถัดไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาใน 4Q23-2024 ทั้งการช่วยเหลือค่าครองชีพ พักหนี้เกษตรกร การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

 

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 3Q23 แข็งแกร่ง//ถือลงทุนต่อเนื่องหลังและพิจารณาสะสมเพิ่มหากดัชนีปรับลงหา Low เดิม 1,460+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ต.ค :  AAV, BBL, BDMS, JMT, KCE

 

หุ้นเด่นวันนี้ : JMT

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาท

• แนวโน้มกำไร 2H23 คาดว่ายังมีแนวโน้มเชิงบวก โดยคาดกำไรปกติปี 2023 2.2 พันลบ. +28% y-y จากปริมาณหนี้ที่ซื้อมาเป็นจำนวนมากในช่วง 1H23 ซึ่งจะส่งผลบวกมากขึ้นในช่วง 2H23 ส่วนธุรกิจประกันวินาศภัยคาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2024

• เราคาดว่ากำไรปกติปี 2024-25 ที่ 2.7 พันลบ. +22% y-y และ 3.3 พันลบ. +23% y-y ตามลำดับ ด้านฐานะทางการเงินยังอยู่ในระดับที่ดีและสัดส่วนหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำยังสะท้อนศักยภาพในการซื้อหนี้ได้อีกเป็นจำนวนมาก

• แนวรับ 46//45 บาท แนวต้าน 48-48.50//50 บาท

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,460 ( F/PE 16.3X) แนวต้าน 1,480 – 1,485 คาดมีโอกาสฟื้นตัว หลังเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวและสภาคองเกรสได้ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว แนะนำทยอยซื้อกลุ่มท่องเที่ยว AOT,AAV,ERW,MINT ได้ประโยชน์จาก ม.ฟรีวีซ่าจีน / กลุ่มส่งออก CPF,TU,AAI,KCE,HANA จากเงินบาทอ่อนค่า/กลุ่มปลอดภัย ADVANC,BH,BDMS   

 

AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 83.00 บาท) รับ Sentiment บวกจากนโยบายเปิด Free visa นักท่องเที่ยวจีนในเดือน ต.ค. รับช่วงวันหยุด Golden Week แนวโน้ม 4Q65/66 (ก.ค.-ก.ย.66) คาดเห็นการพลิกเป็นกำไร YoY ต่อเนื่อง ส่วนปี 66/67 คาดกำไรสุทธิ 2.33 หมื่นล้านบาท +189%YoY มีปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเต็มที่ภายใต้สมมติฐานจำนวนผู้โดยสาร 141.5 ล้านคน +48%YoY ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลง และส่วนแบ่งรายได้จาก Duty Free เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร

 

BH (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี66 274 บาท/ปี67 298 บาท) ) กำไรสุทธิงวด 1H66 อยู่ที่ 3,331 ลบ.,+76%YoY ฟื้นตัวโดดเด่นจากการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ ด้านการดำเนินงานในช่วงถัดไป เราคาดว่าจะคงความสดใสไว้ได้ คาด 3Q66 ขยายตัว YoY จากฐานต่ำในปีก่อน และขยายตัว QoQ ตามฤดูกาล หนุนด้วย 1.ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางที่เข้ามาในไทย ช่วง ก.ค.-ส.ค.66 ที่ผ่านมา จะอยู่ที่ราว 198,867 ราย (เทียบกับ 2Q66 แล้ว +46%) และ 2.การระบาดของเคสไข้หวัดใหญ่ที่ตัวเลข YTD สูงกว่าทั้งปีก่อนและค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งจากช่วง 02ก.ค.-16ก.ย.66 มีตัวเลขผู้ป่วยราวคิดเป็นราว 66% ของตัวเลขสะสมYTD ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ BH ที่  7,047ลบ.(+43%YoY) และ 7,636ลบ.(+8%YoY)

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ยังคงผันผวน ขณะที่ต่างประเทศในเรื่องของทิศทางดอกเบี้ย Fed และ เศรษฐกิจจีนที่ยังไม่มีวี่แววฟื้นตัว (ผิดจากที่คาดการณ์ไว้) ตัวแปรของไทย การอ่อนค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็ว ภายใต้สภาวะดอกเบี้ยสูง และราคา น้ำมันแพง กำลังเข้ามากระทบต่อกำไร 3Q และราคาหุ้นส่วนใหญ่ของตลาดอีกครั้ง ทำให้ Flow ไหลออกจากตลาด (เอเชีย+ไทย)

 

• การเมืองอยู่ในโหมดการรอคอยมาตรการที่เหลือ ขณะที่นายกฯ เริ่มออกเดินสายเพื่อรับฟัง ปัญหา และแก้ไขในพื้นที่ต่าง ๆ

Strategy

 

• ราคาหุ้นส่วนใหญ่ (ยกเว้น DELTA) ดีดกลับขึ้นมาได้ แต่ความกังวลจากปัจจัยลบของตลาดที่มี อยู่รอบด้าน แต่เรายังแนะให้ถือเงินสดไว้ก่อน เพื่อรอจังหวะซื้อหุ้น จุดเข้าซื้อ เรามองไว้ที่ 1450-1460จุด

 

• เรายังมองว่าผลจากเงินบาทอ่อน-ดอกเบี้ยขึ้น-น้ำมันแพง จะกระทบต่อบริษัทที่มีภาระหนี้สูง หรือมีหนี้ต่างประเทศ การเข้าลงทุนควรพิจารณาเป็นรายตัว ว่าปัจจัยลบเหล่านี้ลดทอนกำไร ในงวด 3Q ลง หรือไม่

 

• นักลงทุนอาจเลือกพักเงินไว้ในหุ้นที่กำไรไม่ถูกกระทบอย่างมีนัยยะ 

 

Strategy Stock Pick

JMT: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 50 บาท) “JMT ยังอยู่ในช่วงของการเติบโตของกำไร”

• ราคาหุ้น JMT ค่อยๆฟื้นตัวกลับมาเรื่อยๆ หลังจบการรับข่าวในเชิงลบไปแล้ว คาดผลประกอบการครึ่งปีหลัง ยังดีไม่แพ้ครึ่งปีแรก ที่ทำกำไรไปแล้ว 1.0 พันลบ. 

• ใน 3Q23E เริ่มรับรู้รายได้จากหนี้ก้อนใหญ่ขนาด 5 หมื่น ลบ. ที่ประมูลได้มาในช่วง 2Q23 เต็มไตรมาส พร้อมกับส่วนแบ่งกำไรจาก JKAM ที่เพิ่มขึ้นหนุน

• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023-24 ไว้ที่ 1.99 พัน ลบ. และ 2.35 พัน ลบ. +14%YoY และ +18%YoY ตามลำดับ

 

Technical:   KTB, SISB

 

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง