พบ "โลมาสีชมพู" เกยชายหาดเกาะสมุย คาดตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน
วันนี้( 4 ธ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุกู้ภัยวีอาร์วัดปลายแหลม อำเภอเกาะสมุย ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่า พบซากโลมาถูกคลื่นซัดลอยมาเกยชายหาดอ่าวท้องสนเบย์ หมู่ที่ 5 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ด.ต.บรรจง นาควงศ์ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.บ่อผุด สายตรวจประจำหน่วยบริการประชาชน ตำบลบ่อผุด และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยวีอาร์วัดปลายแหลม
ที่เกิดเหตุ บริเวณชายหาดหน้าโรงแรมท้องสนเบย์ พบในทะเลมีคลื่นซัดเข้าหาชายฝั่งกำลังแรงเป็นระลอก บนชายหาดพบซากโลมาปากขวดสีชมพู เพศเมีย อายุประมาณ 4-5 ปี น้ำหนักประมาณ 25-30 กิโลกรัม วัดความยาวตั้งแต่ปากจรดหาง ยาวประมาณ 1.20 เมตร ลำตัวถูกแดดเผาซีดเป็นสีขาว จากการตรวจสอบตามลำตัวไม่พบบาดเเผลแต่อย่างใด ส่วนที่ท้องพบว่าท้องแตก ใส้ทะลักออกมา เริ่มมีกลิ่นเน่า ในเบื้องต้นคาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วันและไม่แน่ชัดว่าโลมาตายด้วยสาเหตุใด
ขณะที่ทางอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังตรวจสอบซากโลมา ได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หลายคนที่เดินบริเวณชายหาดใกล้ๆที่เกิดเหตุ ได้เดินทางมามุงดูพร้อมถ่ายภาพเอาไว้ และหลายคนบ่นว่ารู้สึกเสียดายที่โลมาประเภทนี้ตาย
ทางอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยวีอาร์วัดปลายแหลม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการถ่ายภาพซากโลมาเอาไว้ พร้อมทำการขุดหลุมฝังซากโลมาเอาไว้ เพื่อรอทีมสัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทย ตอนกลางจังหวัดชุมพร มาตรวจสอบอีกครั้ง
จากการสอบถามนายอุดร อายุ 38 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัย โรงแรมท้องสนเบย์ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุพนักงานโรงแรมและนักท่องเที่ยว ได้ออกมาทำการเก็บขยะบนชายหาด ที่ถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยชายหาดจำนวนมากและพบซากโลมา ซึ่งตนเชื่อว่า โลมาน่าจะถูกคลื่นซัดมาจากเกาะส้มหรือเกาะพะงัน เนื่องจากในบริเวณดังกล่าว มีฝูงโลมาอาศัยและในช่วงนี้คลื่นแรง จึงซัดโลมาเข้าหาชายหาด พร้อมเผยว่า ฝากทุกคนอย่าทิ้งขยะลงทะเลเพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อโลมาได้
ทั้งนี้ สำหรับโลมาปากขวด จัดอยู่ในประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อยู่ในบัญชีสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย นับวันโลมาประเภทนี้ได้ตายลงอย่างต่อเนื่องในรอบปีนี้พบว่ามีโลมา หลายสายพันธุ์ตายและลอยมาติดชายหาดเกาะสมุยหลายตัว
ภาพจาก ผู้สื่อข่าว จ.สุราษฎร์ธานี