โลกกำลังละลาย หิมะจากทะเลสาบหายไป ฝนเข้ามาแทนฤดูหนาว

เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น ภาพของหิมะขาวโพลนที่ปกคลุมเมืองทางตอนเหนือของสหรัฐฯ อาจกลายเป็นเรื่องหายากขึ้น หนึ่งในปรากฏการณ์ที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของฤดูหนาวอย่างชัดเจนคือ “หิมะจากทะเลสาบ” (Lake-effect snow) ซึ่งเคยเป็นพายุหิมะที่ทรงพลังและสร้างผลกระทบหนักในเขตชิคาโกและบริเวณทะเลสาบเกรตเลกส์ แต่ในอนาคต ปรากฏการณ์นี้อาจค่อย ๆ จางหายไปจากภูมิทัศน์ฤดูหนาวของอเมริกาเหนือ
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ พายุหิมะจากทะเลสาบได้พัดถล่มพื้นที่รอบนครชิคาโกและรัฐอินดีแอนา ทำให้เกิดหิมะตกหนักกว่าหนึ่งฟุตภายในคืนเดียว ปรากฏการณ์ “lake-effect snow” เกิดขึ้นเมื่อมวลอากาศเย็นจัดเคลื่อนผ่านผิวน้ำทะเลสาบที่ยังอุ่นและไม่เป็นน้ำแข็ง อุณหภูมิที่ต่างกันนี้ทำให้น้ำบางส่วนระเหยขึ้นไปในอากาศ ก่อให้เกิดไอชื้น เมื่อไหลเข้าฝั่ง ความชื้นนั้นจะเย็นตัวลงและกลายเป็นหิมะตกลงมาอย่างหนาแน่น
ปรากฏการณ์นี้พบมากในพื้นที่รอบทะเลสาบเกรตเลกส์ของสหรัฐฯ เนื่องจากมีพื้นที่ผิวน้ำกว้างและอยู่ใกล้เมืองใหญ่ แต่บางครั้งก็เกิดในพื้นที่ภูเขาหรือแม้แต่ประเทศญี่ปุ่น ที่อากาศเย็นจัดพัดผ่านทะเลญี่ปุ่นก่อให้เกิดหิมะลักษณะเดียวกัน
นักอุตุนิยมวิทยาระบุว่าพายุล่าสุดนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นการผสมระหว่างความชื้นจากระบบอากาศขนาดใหญ่กับไอระเหยจากทะเลสาบมิชิแกน ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น้ำในทะเลสาบมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีถึงกว่า 2.5 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 องศาเซลเซียส ขณะที่อากาศเหนือพื้นดินกลับเย็นจัดถึงระดับ -42 องศาเซลเซียส ที่ระดับความสูงราว 55 กิโลเมตร ทำให้เกิดสภาวะอากาศไม่เสถียรและส่งผลให้บางพื้นที่มีหิมะตกหนักถึงชั่วโมงละกว่า 5–8 เซนติเมตร
อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญคือ เมื่อโลกอุ่นขึ้น ปรากฏการณ์นี้จะรุนแรงขึ้นหรือจะหายไป? ศาสตราจารย์อดัม เบอร์เนตต์ จากมหาวิทยาลัยโคลเกต อธิบายว่า เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยคาดการณ์ว่าการที่น้ำในทะเลสาบอุ่นขึ้นจะทำให้เกิดพายุหิมะจากทะเลสาบมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงกลับซับซ้อนกว่านั้น เพราะถึงแม้น้ำจะอุ่นขึ้น แต่อากาศเย็นที่จำเป็นสำหรับการก่อตัวของหิมะกลับปรากฏน้อยลงเรื่อย ๆ
ข้อมูลล่าสุดยืนยันว่าในระยะสั้น ภาวะโลกร้อนอาจทำให้เกิดหิมะจากทะเลสาบมากขึ้น เพราะน้ำในทะเลสาบที่อุ่นจะระเหยได้มากกว่าและสร้างความชื้นในอากาศสูงขึ้น แต่เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอีก ระดับความเย็นที่จำเป็นจะหายไป ทำให้หิมะจากทะเลสาบถูกแทนที่ด้วย “ฝนจากทะเลสาบ” แทน โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนใต้ของเขตเกรตเลกส์
แม้บางคนอาจมองว่าการมีหิมะน้อยลงคือข่าวดี แต่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่านี่อาจเป็นปัญหาต่อระบบนิเวศน้ำของภูมิภาค ปกติแล้ว หิมะในฤดูหนาวจะสะสมตลอดฤดูกาล และละลายพร้อมกันในฤดูใบไม้ผลิ กลายเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงแม่น้ำ ลำธาร และชุ่มชื้นผืนดิน แต่เมื่อหิมะตกแล้วละลายเป็นระยะ ๆ ตลอดฤดูหนาว น้ำเหล่านั้นจะระเหยและไหลลงแม่น้ำก่อนถึงฤดูละลายจริง ทำให้ปริมาณน้ำต้นฤดูใบไม้ผลิลดลง และอาจกระทบต่อความชุ่มชื้นของดินและความสมดุลของระบบนิเวศโดยรวม
ปรากฏการณ์หิมะจากทะเลสาบที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของฤดูหนาวในเขตเกรตเลกส์ อาจกำลังค่อย ๆ เลือนหายไป ภายใต้อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น แม้ในระยะสั้นมันอาจดูรุนแรงขึ้น แต่ในระยะยาว หิมะจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นฝนแทน สิ่งที่ดูเหมือน “ฤดูหนาวอ่อนโยน” จึงอาจเป็นสัญญาณเตือนว่า โลกกำลังสูญเสียจังหวะธรรมชาติของมันไปทีละน้อย และสิ่งที่หายไปอาจไม่ใช่แค่หิมะ แต่คือความสมดุลของโลกทั้งใบ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
