บริษัทใน "เยอรมนี" ล้มละลาย สูงสุดในรอบ 10 ปี เซ่น ศก.ทรุด นโยบายรัฐไม่เอื้อ

ข้อมูลจากเครดิตรีฟอร์ม (Creditreform) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของเยอรมนีระบุว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในเยอรมนีปี 2568 เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจของเยอรมนีเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเป็นเวลานาน รวมทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายภายในประเทศ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อมูลล่าสุดของเครดิตรีฟอร์มซึ่งมีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (8 ธ.ค.) ระบุว่า จำนวนบริษัทเยอรมนีที่ยื่นขอล้มละลายในระหว่างปี 2568 อยู่ที่ 23,900 ราย เพิ่มขึ้น 8.3% จากปี 2567

การล้มละลายเพิ่มขึ้นเกือบทุกภาคส่วนหลักของเยอรมนีซึ่งมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยบริษัทล้มละลายในภาคการผลิตและการค้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อพิจารณาเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยพุ่งขึ้นกว่า 10% ขณะที่ภาคบริการมีการล้มละลายมากที่สุดเมื่อพิจารณาในแง่ของจำนวน โดยอยู่ที่ประมาณ 14,000 ราย เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี

"บริษัทจำนวนมากมีหนี้สินสูง เผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงสินเชื่อใหม่ ขณะเดียวกันก็เผชิญกับภาระด้านโครงสร้าง เช่น ต้นทุนพลังงานและกฎระเบียบที่สูง" แพทริก-ลุดวิก ฮานท์ช หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจของเครดิตรีฟอร์ม กล่าว โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเผชิญกับแรงกดดันดังกล่าวมากเป็นพิเศษ และแรงกดดันนี้กำลังคุกคามความอยู่รอดของธุรกิจจำนวนมาก

ข้อมูลของเครดิตรีฟอร์มระบุว่า ความตึงเครียดทางการเงินยังลุกลามไปสู่ภาคครัวเรือนด้วย โดยจำนวนบุคคลล้มละลายยังคงเพิ่มขึ้นในปี 2568 เนื่องจากปัญหาการเป็นหนี้เกินตัวเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีประชาชนประมาณ 5.67 ล้านคนในเยอรมนีอยู่ในภาวะมีหนี้สินเกินตัว ซึ่งหมายความว่าระดับหนี้สินของประชาชนเหล่านี้สูงกว่าที่พวกเขาจะสามารถชำระคืนได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ เครดิตรีฟอร์มระบุว่า ปัญหาค่าครองชีพสูง การจ้างงานที่ลดลง และอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุสำคัญที่จำนวนบุคคลล้มละลายปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนทิศทางในวันข้างหน้านั้น เบิร์นด์ บูเอโทว์ ซีอีโอของเครดิตรีฟอร์มเตือนว่า จำนวนบริษัทล้มละลายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันของเยอรมนียังคงลดลง อย่างไรก็ดี เขาคาดว่าแผนการของรัฐบาลในการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านยูโรในโครงสร้างพื้นฐานอาจช่วยสนับสนุนการเติบโตในปีหน้า และช่วยชะลอการยื่นล้มละลาย แต่รัฐบาลจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างเพิ่มเติมเพื่อให้รากฐานทางเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ