น้ำท่วมสุโขทัย พนังกั้นน้ำแตก - ลำปาง หนักที่สุดในรอบ 13 ปี
น้ำท่วมสุโขทัย พนังกั้นน้ำแตก ชาวบ้านนอนริมถนน
เทศบาลเมืองสุโขทัย เร่งเดินเครื่องสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันน้ำท่วมตัวเมือง หลังเกิดเหตุพนังกั้นน้ำแตกในหลายจุด จนชาวบ้านต้องอพยพหนีน้ำท่วมขึ้นมานอนริมถนน ส่วนน้ำท่วมลำปาง มวลน้ำได้ลงไปสู่อำเภอแม่พริก บางจุดน้ำท่วมสูง 3 เมตร หนักสุดในรอบ 13 ปี ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน วันที่ 6-8 ตุลาคมนี้จะมีฝนตกหนักอีกระลอก
เทศบาลเมืองสุโขทัย เร่งเดินเครื่องสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับน้ำในระบบระบายน้ำของเมืองสุโขทัย ไม่ให้มวลน้ำจากแม่น้ำยมเข้ามาท่วมตัวเมืองได้ โดยสถานการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา แม่น้ำยมเริ่มลดระดับลงแล้ว โดยพนังกั้นน้ำในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัย สูง 2 เมตร 80 เซนติเมตร ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำยม อยู่ที่ระดับ 2 เมตร 30 เซนติเมตร แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพราะมวลน้ำที่มาจากอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ยังคงไหลลงมาเติมอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัย ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยนำกระสอบทราย มาเรียงไว้บริเวณหน้าบ้านเพื่อป้องกันน้ำท่วมล่วงหน้า และยกสิ่งของมีค่าขึ้นไปไว้บนที่สูง เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมบ้านมาแล้ว
สุโขทัยพนังกั้นน้ำแตกชาวบ้านนอนริมถนน
สภาพพนังกั้นแม่น้ำยมบริเวณบ้านวังโพธิ์ ตำบลยางซ้าย อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ที่แตกเป็นโพรงกว้างกว่า 7 เมตร ทำให้มวลน้ำจากแม่น้ำยมไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ตบลยางซ้ายตั้งช่วงเที่ยงคืนวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวต้องเร่งขนของหนีน้ำและอพยพไปนอนอาศัยบนถนนอย่างทุกลักทุเล หลังเกิดเหตุ อส. และทหารจากกองทัพภาคที่ 3 พิษณุโลก ได้นำกำลังเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย ในการขนย้ายสิ่งของหนีน้ำท่วม
ด้าน นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้ลงพื้นที่ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำกัดเซาะพนังกั้นน้ำบริเวณใต้สะพานสิริปัญญารัตน์ จนขาด ทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวได้ มีผู้ประสบภัย 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน รวม 180 หลังคาเรือน เบื้องต้นอำเภอศรีสำโรงได้ ตั้งศูนย์อำนวยการเหตุการณ์ บริเวณคลองตาดิน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมเข้าสำรวจความเสียหาย และเตรียมความพร้อมในการอพยพผู้ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย
น้ำท่วมลำปาง หนักที่สุดในรอบ 13 ปี
ส่วนนี่เป็นสภาพน้ำท่วมบริเวณโรงเรียนต้นธงวิทยา ตำบลแม่ปุ อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง ที่ถูกน้ำท่วมมานานถึง 3 วันแล้ว บางจุดระดับน้ำลึกกว่า 2 เมตร เพาะเป็นที่ลุ่มต่ำกว่าระดับถนน อีกทั้งที่ตั้งโรงเรียนยังมีแม่น้ำวัง และลำห้วยแม่ปุ ขนาบอยู่ทั้ง 2 ข้าง จึงถูกน้ำท่วมอย่างหนัก อาคารเรียนชั้นเดียวของระดับชั้นอนุบาล และระดับประถม รวมถึงห้องวิชาการและห้องดนตรี ถูกน้ำท่วมจนมิด นับเป็นสถานการณ์ที่หนักสุดในรอบ 13 ปี
ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำวัง มวลน้ำระลอกใหญ่ที่ไหลระบายมาจากพื้นที่อำเภอเถิน ได้ลงมาถึงเขตพื้นที่อำเภอแม่พริก และมาสมทบกับมวลน้ำจากลำห้วยต่างๆ ทำให้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม บ้านเรือน ไร่นา ขยายวงกว้าง โดยจุดที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ ที่บ้านแม่เชียงรายลุ่ม และบ้านวังสำราญ ตำบลแม่พริก และบ้านต้นธง ตำบลแม่ปุ เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใต้สุดของจังหวัดลำปางต้องรับมวลน้ำเหนือที่หลากลงมาทั้งหมด ทำให้บางจุดมีน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตร
อุตุฯ เตือน 6-8 ต.ค.นี้ ฝนตกหนักอีก
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 3 - 5 ตุลาคมว่า ร่องมรสุมจะพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางจะเคลื่อนเข้าสู่ภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน และภาคกลางตอนล่าง ตามแนวร่องมรสุม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนช่วงวันที่ 6-8 ตุลาคม ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้ง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนพายุไต้ฝุ่นโคอินุ บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้ และคาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในวันที่ 6-7 ตุลาคม จะไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยโดยตรง
ภาพ : TNNOnline / ผู้สื่อข่าว จ.สุโขทัย