แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดรับบริจาคอวัยวะจากผู้บริจาคภาวะสมองตาย ต่อชีวิตผู้ป่วยสำเร็จ

ทีมแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมในภารกิจผ่าตัดรับบริจาคอวัยวะ (Organ Procurement) จากผู้บริจาคอวัยวะที่มีภาวะสมองตาย เพศชาย อายุ 44 ปี จากโรงพยาบาลลำปาง เพื่อดำเนินการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แก่ผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 44 ปี ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จนประสบความสำเร็จ

ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ดำเนินภารกิจในการรับบริจาคอวัยวะจากผู้บริจาคภาวะสมองตาย นำไปปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะ เพื่อให้สามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ทีมผ่าตัดรับบริจาคอวัยวะจากโรงพยาบาลลำปาง นำโดย อ.พญ.อัษรา เทพบัญชรชัย อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ระบบทางเดินน้ำดี ตับ และตับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์ ร่วมกับ พญ.รวิสรา วัฒนศิริ, นพ.ธีรภัทร ศรีมโนรถ, น.ส.วราภรณ์ รัฐกุล, น.ส.สลิลทิพย์ กูลใจ, น.ส.ณิชาภัทร คงทวี และ นางกันยา อุดมสิน พยาบาลประสานงานปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

ส่วนการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แก่ผู้ป่วย นำโดย รศ.นพ.สัณหวิชญ์ จันทร์รังสี อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ระบบตับ ทางเดินน้ำดี และตับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์, รศ.นพ.วรกิตติ ลาภพิเศษพันธ์ รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์, อ.พญ.อัษรา เทพบัญชรชัย และ พญ.พิชญา สิงหเวชกุล ได้ร่วมกันผ่าตัดปลูกถ่ายตับจนประสบความสำเร็จ

รศ.นพ.สัณหวิชญ์ จันทร์รังสี อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ระบบตับ ทางเดินน้ำดี และตับอ่อน ภาควิชาศัลยศาสตร์ เปิดเผยว่า “ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคท่อน้ำดีอักเสบแข็งชนิดปฐมภูมิ (Primary Sclerosing Cholangitis – PSC) ซึ่งเป็นโรคตับเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายไปทำลายท่อน้ำดี เกิดการอักเสบและเป็นพังผืด ส่งผลให้ท่อน้ำดีตีบแคบ น้ำดีไหลย้อนกลับเข้าสู่ตับ จนทำลายเซลล์ตับ และอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือภาวะตับวายในที่สุด

ผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อทางเดินน้ำดีซ้ำบ่อย เฉลี่ยเกือบทุกสัปดาห์ ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง การติดเชื้อที่รุนแรงเช่นนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ จึงมีความจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายตับเป็นทางเลือกในการรักษา

หลังจากได้รับการปลูกถ่ายตับแล้ว อาการติดเชื้อทางเดินน้ำดีที่เคยเกิดขึ้นบ่อยจะหายไป ลดความเสี่ยงต่อภาวะตับวายและมะเร็งในอนาคต ที่สำคัญคือ โรคนี้เมื่อได้รับการปลูกถ่ายตับ ผลลัพธ์หลังการรักษา ผู้ป่วยมีโอกาสหายจากโรคได้ประมาณร้อยละ 80-90

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอขอบคุณครอบครัวผู้บริจาคอวัยวะที่เห็นความสำคัญของการบริจาคเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่สนับสนุนภารกิจครั้งนี้ ทั้งตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจร เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจในพื้นที่ตลอดเส้นทาง และประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ที่ร่วมอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายอวัยวะให้ดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือสำคัญของเครือข่ายการแพทย์ไทย ที่ช่วยยกระดับคุณภาพการรักษาและสร้างโอกาสใหม่ให้แก่ผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ