ย้ายลูกเสือโคร่ง "น้องต้นกล้า-น้องต้นข้าว" ไป รพ.สัตว์พิมาน ที่มีความพร้อมดูแล

สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ แจ้งเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 มิ.ย.65) ว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.65 พนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง เจ้าของคดีฯ เห็นชอบและเคลื่อนย้ายลูกเสือโคร่งของกลาง "น้องต้นกล้าและน้องต้นข้าว" ไปดูแลยังหน่วยรักษาและฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ป่า โรงพยาบาลสัตว์ทิพย์พิมาน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีความพร้อมทั้งสถานที่ มีสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในการดูแลเสือโคร่งโดยเฉพาะ

ตลอดระยะเวลาที่พักฟื้นอยู่ที่สถานีฯตั้งแต่ 14 พ.ค.65 ทางสถานีได้มอบความรัก การดูแลอย่างดีที่สุดเต็มความสามารถตามหลักวิชาการและประสบการณ์การเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า จนรู้สึกรักและผูกพันธ์มาก

วันเคลื่อนย้าย น้องต้นกล้ามีน้ำหนัก 15.15 kg ต้นข้าว 13.00 kg 

สำหรับหนวดของต้นข้าว เริ่มมีอาการหักและหลุดร่วงตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ทั้งสองมีภาวะเลือดจางนิดหน่อย และยังระแวงบ้าง แต่ทั่วไปยังร่าเริง กินได้ถ่ายปกติ เป็นโอกาสดีที่จะมีสัตวแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

สถานีฯขออนุญาตนำเงินบริจาคผ่านโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์ฯส่วนที่เหลือไปใช้สำหรับดูแลสัตว์ป่าอื่นๆในสถานีฯ ซึ่งปัจจุบันมี จำนวน 80 ชนิด รวม 1,105 ตัว และมีความจำเป็นมากๆ

สำหรับ "น้องต้นกล้า" และ "น้องต้นข้าว" ซึ่งดูแลอยู่ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เป็นเสือโคร่งสายพันธุ์เบงกอล แต่เสือโคร่งสายพันธุ์ที่อยู่ในป่าธรรมชาติของไทยคือ สายพันธุ์อินโดจีน ไม่มีสายพันธุ์ไซบีเรียนและเบงกอล 

ดังนั้น ลูกเสือโคร่งจึงมั่นใจได้ว่ามาจากการลักลอบเพาะพันธุ์ ซึ่งตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) จะเร่งตรวจสอบหาแหล่งที่มา คาดว่ามีความเป็นไปได้ว่า จะมาจากฟาร์มหรือแหล่งที่ได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์เสือ 

แต่เมื่อมีลูกเสือเกิดใหม่แล้วไม่แจ้ง ถือเป็นการลักลอบเพาะพันธุ์หรือลักลอบครอบครอง กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะนำผล DNA ที่ได้ตรวจสอบเทียบเคียงฐานข้อมูล DNA เสือในกรงเลี้ยงที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ มีอยู่ซึ่งหากพบว่า ตรงกับ DNA ของเสือโคร่งที่เลี้ยงไว้ในแหล่งใดจะทำให้ทราบที่มาของลูกเสือทั้ง 3 ตัวที่ถูกจับมาขาย

ข้อมูลและภาพจาก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช