รีเซต

รวม “ยานพาหนะสุดล้ำ” ประจำปี 2025 อนาคตการเดินทางที่ไปไกลยิ่งกว่าเดิม

รวม “ยานพาหนะสุดล้ำ” ประจำปี 2025 อนาคตการเดินทางที่ไปไกลยิ่งกว่าเดิม
TNN ช่อง16
31 ธันวาคม 2568 ( 09:42 )
7

โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเดินทางอย่างแท้จริง เมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีพลังงานสะอาด และวิศวกรรมขั้นสูง หลอมรวมกันจนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของนวัตกรรมยานพาหนะแห่งอนาคต ปี 2025 จึงไม่ใช่แค่ปีแห่งความ “ล้ำสมัย” ทางเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวข้ามขีดจำกัดการคมนาคมที่มนุษย์เคยรู้จัก

TNN Tech ได้รวบรวมสุดยอด “ยานพาหนะสุดล้ำประจำปี 2025” ที่โดดเด่นทั้งด้านแนวคิด การออกแบบ และศักยภาพในการพัฒนาไปสู่การใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะบินได้ ยานยนต์ไร้ล้อสำหรับภูมิประเทศสุดโหด ยานพาหนะทางน้ำความเร็วสูง ไปจนถึงระบบขนส่งสาธารณะอัจฉริยะ ที่อาจเข้ามาเปลี่ยนวิถีการเดินทางของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้

1. มอเตอร์ไซค์บินได้ “โวโลนอต แอร์ไบค์” (Volonaut Airbike)

เริ่มต้นกันที่นวัตกรรมซึ่งสร้างกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ทันทีที่มีการเผยแพร่วิดีโอสาธิต นั่นคือมอเตอร์ไซค์บินได้ “โวโลนอต แอร์ไบค์” (Volonaut Airbike) ยานพาหนะส่วนบุคคลที่สามารถลอยตัวและร่อนไปในอากาศได้อย่างอิสระ ด้วยรูปลักษณ์สุดล้ำที่หลายคนเปรียบเทียบว่าคล้ายยานพาหนะจากภาพยนตร์ไซไฟระดับตำนานอย่าง สตาร์วอร์ส

โวโลนอต แอร์ไบค์ เป็นมอเตอร์ไซค์บินได้แบบเปิดโล่ง ไม่มีหลังคาหรือส่วนครอบศีรษะ และออกแบบให้ซ่อนกลไกใบพัดหรือเครื่องยนต์ไว้ภายในตัวโครงสร้าง เพื่อเปิดมุมมองการบินแบบ 360 องศา ให้ผู้ขับขี่สัมผัสประสบการณ์การเคลื่อนที่กลางอากาศอย่างเต็มรูปแบบ โครงสร้างหลักผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ จากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง ซึ่งให้ความแข็งแรงควบคู่กับน้ำหนักที่เบา ยานพาหนะคันนี้ขับเคลื่อนด้วยระบบไอพ่น รองรับผู้ขับขี่ได้หนึ่งคน ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีการตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 880,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 28 ล้านบาท

2. ยานพาหนะสุดแหวกแนว “คอร์เลโอ” (Corleo)

ถัดมาคือนวัตกรรมจากแดนอาทิตย์อุทัย บริษัทค าวาซากิ (Kawasaki) ที่เผยโฉมต้นแบบยานพาหนะสุดแหวกแนวในชื่อ “คอร์เลโอ” (Corleo) ยานพาหนะรูปร่างคล้ายหุ่นยนต์สี่ขา ซึ่งผสานแนวคิดของมอเตอร์ไซค์เข้ากับการเคลื่อนไหวของสัตว์อย่างสิงโต ออกแบบมาเพื่อการเดินทางในพื้นที่ที่ยานพาหนะแบบมีล้อไม่สามารถเข้าถึงได้ เช่น ภูมิประเทศขรุขระหรือพื้นที่ซับซ้อน

คอร์เลโอ ถูกออกแบบให้ผู้ขับขี่นั่งบนหลังยานพาหนะ คล้ายการขี่สัตว์ ภายนอกมีลักษณะเป็นหุ่นยนต์สิงโตที่ไม่มีส่วนหัว แต่แทนที่ด้วยจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กสำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ บริเวณด้านหน้าเป็นแฮนด์หรือที่จับ ส่วนด้านหลังมีเบาะนั่งที่สามารถปรับขนาดได้ ขาทั้งสี่มีลักษณะคล้ายขาของสิงโต พร้อมข้อต่อที่รองรับแรงกระแทกได้ดี ตัวหุ่นยนต์รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 2 คน และติดตั้งระบบ AI เพื่อช่วยควบคุมการทรงตัว วิเคราะห์การเคลื่อนไหว และปรับสมดุลแบบเรียลไทม์ตามจุดศูนย์ถ่วงของผู้ขับขี่ คอร์เลโอ เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดอนาคตด้านการคมนาคมของคาวาซากิ ที่จัดแสดงในงานเอ็กซ์โป 2025 และบริษัทคาดว่าอาจพัฒนาไปสู่การวางจำหน่ายได้จริงในช่วงปี 2050

3. ไฮเปอร์คาร์ขับกลับหัว “สเปียร์ลิง” (Spéirling)

อีกหนึ่งผลงานที่สร้างตำนานหน้าใหม่ให้วงการยานยนต์ คือการสาธิตรถแข่งไฮเปอร์คาร์ที่สามารถ “ขับกลับหัว” ได้เป็นครั้งแรกของโลก นั่นคือ “สเปียร์ลิง” (Spéirling) จากบริษัทไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าสัญชาติอังกฤษ แมคเมอทรี ออโตโมทีฟ (McMurtry Automotive) ซึ่งพัฒนาระบบพัดลมดูดพิเศษในชื่อ Downforce-on-Demand เพื่อสร้างแรงกดมหาศาลให้รถยึดเกาะพื้นผิวได้อย่างเหนือชั้น

ระบบพัดลมดังกล่าวสามารถสร้างแรงดูดในระดับสุญญากาศ กดรถลงสู่พื้นด้วยแรงมากถึง 2,000 กิโลกรัม ในขณะที่น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ประมาณ 1,200 กิโลกรัม ส่งผลให้แม้แท่นทดสอบจะพลิกรถกลับหัว รถก็ยังสามารถยึดเกาะและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างสมบูรณ์ บริษัทระบุว่าระบบนี้ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการยึดเกาะถนนและการเข้าโค้งเหนือกว่าไฮเปอร์คาร์ทั่วไป สำหรับ แมคเมอทรี สเปียร์ลิง เป็นรถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าแบบที่นั่งเดียว กำลังสูงสุด 1,000 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ 297 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะผลิตเพียง 100 คัน พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าในปี 2026

4. ยานพาหนะบินได้แบบพับเก็บใส่กระเป๋าเจนัส-วัน (Janus-I)

ในฝั่งของอากาศยานส่วนบุคคล มีนวัตกรรมที่บริษัทนิยามว่าเป็น “foldable flying suitcase” หรือยานพาหนะบินได้แบบพับเก็บใส่กระเป๋าได้ชิ้นแรกของโลก นั่นคือ “เจนัส-วัน” (Janus-I) จากบริษัท เอ็กซ์-คอนโทรล ซิสเต็ม (X-CONTROL SYSTEM) ซึ่งออกแบบให้เป็นอากาศยานไฟฟ้าแบบบินขึ้นลงแนวดิ่ง (VTOL) และยังสามารถลงจอดบนผิวน้ำ ทำหน้าที่เป็นเรือชูชีพในยามฉุกเฉินได้

เจนัส-วัน รองรับผู้โดยสารหนึ่งคน รับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 200 กิโลกรัม ใช้ระบบควบคุมแบบ fly-by-wire ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบังคับได้ง่าย แม้ไม่มีใบอนุญาตนักบิน ตัวเครื่องเป็นแบบโมดูลาร์ สามารถพับเก็บให้มีขนาดเล็ก น้ำหนักรวมเพียง 70 กิโลกรัม สามารถขนย้ายใส่ท้ายรถได้ ทำความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินได้สูงกว่า 6,000 เมตร อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้เปิดเผยราคาและกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

5. ยานพาหนะทางน้ำซีไกลเดอร์ (Seaglider)

ด้านยานพาหนะทางน้ำ บริษัท รีเจนต์ คราฟต์ (Regent Craft) จากสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนา “ซีไกลเดอร์” (Seaglider) ยานพาหนะที่ผสานเทคโนโลยีของเรือและเครื่องบินเข้าไว้ด้วยกัน ใช้ปีกไฮโดรฟอยล์และหลักการ Ground Effect ช่วยยกตัวเครื่องให้ลอยเหนือผิวน้ำในระดับต่ำ ลดแรงเสียดทาน และเพิ่มความเร็วในการเดินทาง

ซีไกลเดอร์ รองรับผู้โดยสาร 12 คน พร้อมลูกเรือ 2 คน บรรทุกสินค้าได้สูงสุด 1,600 กิโลกรัม ทำความเร็วได้ประมาณ 290–300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งมีระยะทางราว 300 กิโลเมตร โดยบริษัทตั้งเป้าให้ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ลดการปล่อยมลพิษและลดเสียงรบกวนเมื่อเทียบกับเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ และคาดว่าจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2026

6. ระบบขนส่งสาธารณะแห่งอนาคตอลิซ (ALICE SYSTEM)

ฃปิดท้ายด้วยแนวคิดระบบขนส่งสาธารณะแห่งอนาคตจากคาวาซากิอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ “อลิซ” (ALICE SYSTEM) ระบบการเดินทางอัจฉริยะที่ผสานการคมนาคมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศเข้าไว้ด้วยกัน ผู้โดยสารสามารถป้อนข้อมูลปลายทางผ่านแอปพลิเคชัน ระบบจะประมวลผลและจัดสรรรูปแบบการเดินทางที่เหมาะสมที่สุด ก่อนส่งอลิซ เคบิน (ALICE CABIN) ห้องโดยสารไร้คนขับมารับถึงหน้าบ้าน และเชื่อมต่อเข้ากับยานพาหนะหลักได้อย่างไร้รอยต่อ

ยานพาหนะทั้งหมดในระบบอลิซถูกวางแนวคิดให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่คาวาซากิมองว่าเป็นหัวใจของธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทคาดว่า ALICE SYSTEM จะได้รับการพัฒนาและนำมาใช้งานจริงได้ในช่วงปี 2050

นวัตกรรมยานพาหนะเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อนาคตของการเดินทางไม่ได้หยุดอยู่แค่ความเร็วหรือความสะดวกสบายอีกต่อไป แต่กำลังก้าวไปสู่ยุคที่เทคโนโลยี ความยั่งยืน และจินตนาการ หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง