ถอดบทเรียนหาดใหญ่ พิพัฒน์ดัน “วงแหวน–คลองระบาย” แผนแก้น้ำท่วมถาวร

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังเข้าร่วมประชุมวิชาการด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ศูนย์ ปภ. เขต 12 สงขลา ว่าอุทกภัยครั้งใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่เป็นสัญญาณชัดเจนว่าระบบระบายน้ำเดิมของเมืองไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำหลากภายใต้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ โดยน้ำได้ไหลเข้าสู่ตัวเมืองพร้อมกันถึงสามทิศ ขณะที่เส้นทางระบายน้ำออกมีเพียงช่องทางเดียวผ่านคลองอู่ตะเภา ส่งผลให้ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งจนสถานีสูบน้ำไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
รองนายกฯ ระบุว่า ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ลงพื้นที่ถอดบทเรียนเชิงลึก ร่วมกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ รวมถึงผู้บริหารกระทรวงคมนาคมหลายหน่วย ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมเจ้าท่า กรมการขนส่งทางบก และการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นและนักวิชาการ ม.อ. เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน
ในระยะสั้น กระทรวงคมนาคมจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายความกว้างและความลึกของคลองหลักรอบเมือง เช่น คลอง ร.1 ร.3 ร.5 คลองเตย และคลองหวะ รวมถึงการติดตั้งและปรับปรุงประตูน้ำและสถานีสูบน้ำในจุดสำคัญ พร้อมเพิ่มทิศทางระบายน้ำลงทะเลสาบสงขลาผ่านคลอง ร.5 เพื่อลดภาระของคลองอู่ตะเภา
ส่วนแนวทางระยะยาว นายพิพัฒน์ชู “ถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่” ของกระทรวงคมนาคมให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบจัดการน้ำเมือง โดยออกแบบถนนไม่ให้เป็นกำแพงกั้นน้ำ แต่ให้ทำงานควบคู่กับคลองระบายน้ำคู่ขนานทั่วแนววงแหวน กว้างประมาณ 50 เมตร ลึก 4–5 เมตร ติดตั้งประตูน้ำและสถานีสูบน้ำเป็นช่วง ๆ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลสาบสงขลาอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังเสนอให้โครงการดังกล่าวยกระดับเป็นโครงการบูรณาการระดับชาติ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และสำนักงานสภาพัฒน์ ในการจัดทำ “แผนแม่บทระบบน้ำเมืองหาดใหญ่” ที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานทุกระดับ
รองนายกฯ ย้ำว่าอุทกภัยครั้งนี้ต้องเป็นจุดเปลี่ยนให้ประเทศวางผังเมือง ถนน วงแหวน คลอง และประตูน้ำเป็นระบบเดียวกัน เพื่อสร้างการป้องกันน้ำท่วมที่ยั่งยืนในระยะยาว