รีเซต

10 เทรนด์อาหารในแคนาดาปี 65 แนะใช้สมุนไพรเพิ่มมูลค่า

10 เทรนด์อาหารในแคนาดาปี 65 แนะใช้สมุนไพรเพิ่มมูลค่า
TNN Wealth
4 ธันวาคม 2564 ( 14:03 )
217
10 เทรนด์อาหารในแคนาดาปี 65 แนะใช้สมุนไพรเพิ่มมูลค่า

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาเผย 10 เทรนด์อาหารที่มีแนวโน้มเติบโตในตลาดแคนาดาประจำปี 2565 พบส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูง เน้นสิ่งแวดล้อม ระบุผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทยควรศึกษาและนำมาปรับใช้ในการผลิต เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก แนะใช้ข้อได้เปรียบด้านสมุนไพร นำมาผลิตเป็นอาหาร แทนที่จะส่งออกเป็นวัตถุดิบอย่างเดียว


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ถึงเทรนด์ตลาดสินค้าอาหารสุขภาพในแคนาดา ปี 2565 โดยทูตพาณิชย์ได้ทำการศึกษาและรวบรวมอาหารที่มีแนวโน้มเติบโตได้จำนวน 10 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูง มีสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย และเป็นสินค้าที่ให้คุณค่าเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตทั้ง 10 รายการ ได้แก่


1. รสส้มยูสุ (Yuzu) เพราะจุดเด่นของรสชาติส้มที่ไม่หวานมากนัก แต่มีกลิ่นความหอมจากส้มโดยเฉพาะ อีกทั้งสรรพคุณที่มีวิตามินซีสูง ส้มยูสุจะกลายเป็นรสชาติที่ผู้ผลิตอาหารหลายรายเลือกมาใช้แต่งกลิ่นและรสชาติอาหารสำหรับปี 2565 อาทิ น้ำส้มสายชูหมัก ไอศกรีม มายองเนส เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อัดก๊าซ (Hard Seltzers) และสามารถสะท้อนความต้องการผู้บริโภคในด้านสุขภาพที่ดีได้อย่างลงตัว


2. Ultraurban Farming การปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์หรือการปลูกผักไร้ดิน เพราะระบบการปลูกผักวิธีนี้จะช่วยประหยัดน้ำมากกว่าการปลูกผักในดินปกติไม่น้อยกว่า 10 เท่า และยังป้องกันมลพิษที่จะเกิดขึ้นในพื้นดินจากการใช้สารเคมี โดยปัจจุบันจึงกลายเป็นวิธีการที่นิยมปลูกกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเกษตรกรมีการนำเทคโนโลยีการจัดการมาใช้ที่ทำให้พืชผักมีความสะอาด และสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตมากขึ้น ส่งผลให้สามารถป้อนผลผลิตสู่ตลาดอาหารในวงกว้างได้


3. Reducetarianism สนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรกรรมยั่งยืนมากขึ้น โดยการลดปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากวัวและไข่ที่มาจากการเลี้ยงในเชิงอุตสาหกรรม แต่เลือกซื้อเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ อาทิ เนื้อวัวจากวัวที่เลี้ยงในทุ่งหญ้า ไข่จากแม่ไก่ที่จะปล่อยอิสระหาอาหารจากธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งเทรนด์การเลือกซื้อเช่นนี้นับว่าเป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ลดการทำลายสิ่งแวดล้อมและทารุณกรรมจากการเลี้ยงสัตว์


4. ดอกชบา (Hibiscus) โดยได้รับการยอมรับว่ามีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย และอุดมด้วยวิตามินซี ผู้ประกอบการอาหารจึงเลือกนำมาเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ใส่ในชา โยเกิร์ต แยมผลไม้


5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไร้แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 0% ซึ่งขณะนี้ตลาดแคนาดาพบดีมานด์ตลาดเครื่องดื่มกลุ่มนี้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงการเกิดวิกฤติโควิด-19 ที่ผู้บริโภคมองหาเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อดื่มทดแทนเบียร์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ สำหรับกลุ่มคนที่ไม่อยากได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์ แต่ยังคงได้ประสบการณ์การดื่มที่สนุก ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ


6. ธัญพืชจากฟาร์มรักษ์โลก จากแนวคิดที่ผู้บริโภคต้องการสนับสนุนการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นกระแสรักษ์โลกที่มาแรงไม่หยุด ผู้ประกอบการค้าปลีกจึงต้องสรรหาวัตถุดิบที่มาจากฟาร์มเหล่านั้น เพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มผู้บริโภคนั้นให้ได้ เพราะเชื่อว่าเป็นอีกปัจจัยที่ผู้บริโภคจับตามอง องค์กรธุรกิจในทุกวันนี้กับกิจกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมในลักษณะต่าง ๆ


7. เมล็ดทานตะวันธัญพืชเพื่อสุขภาพ จัดว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย จึงได้กลายเป็นส่วนประกอบที่ผู้ผลิตอาหารเลือกนำมาใช้สำหรับขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม ชีสสำหรับเทรนด์อาหารใหม่ ๆ


8. ใบมะรุม (Moringa) เป็นพืชกำเนิดในแถบใต้เชิงเขาหิมาลัยและในทวีปแอฟริกา โดยมะรุมเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในหลายด้าน และผู้ประกอบการได้มีการนำมาแปรรูปแบบผงแห้ง เพื่อให้ง่ายต่อการเป็นวัตถุดิบในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น เครื่องดื่มสมูทตี้ ซอส ขนมอบ โปรตีนบาร์ และอื่น ๆ


9. เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมโซดาในแบบ Functional อาทิ โซดาสูตรผสมโปรไบโอติกส์ หรือน้ำโทนิคผสมพรีไบโอติกส์ โดยทั้งสองอย่างนั้น คือ จุลินทรีย์ชนิดดีที่มาแรงในวงการอาหาร โดยจัดเป็นกลุ่มอาหารที่เรียกว่าซูเปอร์ฟู้ด อาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูง และมีคุณประโยชน์ด้านระบบย่อยอาหารเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง


10. สมุนไพรขมิ้นชัน (Trumeric) ได้กลายเป็นสมุนไพรที่นิยมในอุตสาหกรรมยาและอาหารมาเมื่อไม่นานนี้ เนื่องด้วยมีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระอยู่ในตัวสมุนไพรที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดความเสื่อมของร่างกาย และยังมีสรรพคุณที่ช่วยปรับและกระตุ้นระบบย่อยอาหารในร่าง กาย ผู้ประกอบการอาหารจึงเลือกนำมาเป็นเครื่องปรุงและส่วนผสมในเมนูใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประโยชน์ให้กับอาหารที่รับประทาน เช่น ซีเรียล ขมิ้นชันสมูทตี้ กะหล่ำปลีเปรี้ยว

 

"จากเทรนด์แนวโน้มอาหารปี 2565 ของแคนาดา ส่วนใหญ่เน้นเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การลดขยะจากอาหาร ผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ที่ทำตลาดแคนาดา ควรศึกษาและนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้ในการผลิตอาหารของไทย โดยเฉพาะการใช้วัตถุดิบสมุนไพรที่ไทยมีอยู่เป็นจำนวนมากมาเพิ่มมูลค่าในอาหาร แทนที่จะส่งออกเป็นวัตถุดิบโดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่า และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าอาหารไทยเข้าสู่ตลาดแคนาดาได้เพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดโลกอื่นๆ"