วิจารณ์แซ่ด! คำถามสุดท้าย Miss Universe Thailand 2020 ก่อนมงลง
วันนี้ (11 ต.ค.63) ปิดม่านไปแล้วกับเวที "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020" (Miss Universe Thailand 2020) โดย "อแมนด้า" ชาลิสา ออบดัม หมายเลข 97 คว้าตำแหน่งสาวงามหนึ่งเดียวแห่งสยามในปีนี้ เตรียมมุ่งสู่เป้าหมายเดินหน้าคว้ามงบนเวที มิสยูนิเวิร์ส (Miss Universe) ต่อไป แต่กลับไม่วายมีเสียงวิพากย์วิจารณ์ของแฟนๆ นางงามถึง "คำถามสุดท้าย" เพื่อวัดว่า ใครจะเป็นหนึ่งบนเวทีแห่งนี้
ล่าสุด เพจดังอย่าง "อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก" โพสต์วิจารณ์ยาวเหยียดถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า
"อยากได้นางงามฉลาด แต่ดันใช้คำถามไม่ฉลาดมาถามนางงาม
ต้องขอแสดงความยินดีกับน้องอาแมนด้า Miss Universe Thailand คนล่าสุดก่อน สำหรับการประกวดที่เพิ่งจบลงไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นในใจของผมมากมาย มันก็ทำให้เราต้องมาทบทวนว่า เรากำลังตามหามงที่สามอยู่จริงไหม เพราะถ้าใครที่เป็นคอนางงามมาตลอดเราจะรู้สึกว่า เรากำลังโหยหานางงามที่ตอบคำถามดี ตอบคำถามเก่ง
เรากำลังโหยหานางงามที่ตอบคำถามอย่างฉลาด และที่ผ่านมา ทางกองประกวดเองก็ดูจะพยายามเลือกเฟ้นนางงามผ่านการตอบคำถามมากมายด้วยคีย์เวิร์ด ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีว่านางงามปีนี้หลายๆคนฉลาดมาก และหลายๆคนตั้งความหวังว่าเราน่าจะได้ตัวแทนที่ฉลาด ขึ้นไปตอบคำถามชิงมงที่สามของประเทศไทยเสียที
ในส่วนของน้องอะแมนด้า เราต้องยอมรับนะครับว่าเธอเป็นนางงามที่ Performance ดีมาตลอดการประกวด ไม่ว่าจะเป็นสปีชกล่าววิสัยทัศน์บนเวที ไปจนถึงการพรีเซนต์ แต่สำหรับการตอบคำถามบนเวทีในรอบสุดท้าย ผมไม่ได้โทษน้องอะแมนด้าเลยว่าตอบดีหรือไม่ดี แต่ผมไม่เข้าใจว่าคนตั้งคำถามเกิดจะมาอยากอวดฉลาดอะไรกับการตั้งคำถามที่พยายามจะหลอกนางงามแบบนี้ เพราะสิ่งที่คุณจะได้จากนางงามกับคำถามแบบนี้คือวัดได้แค่ สติ แต่ไม่สามารถวัดปัญญาของนางงามได้เลย กับคำถามที่ว่า
วัดอรุณเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย แล้วคุณจะเอาตัวคุณเป็นสัญลักษณ์ของประเทศได้อย่างไร? วัดอรุณเหมือนเป็นตัวหลอก แต่ประเด็นคำถามคือจะถามแค่ว่าจะนำเสนอความเป็นไทยของตัวเองอย่างไร มายก็อด เอาดีดี คำถามนางงามแบบนี้มันคือคำถามนางงามเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน ซึ่งสมัยก่อนจะตอบเรื่อง ความรักความสามัคคียิ้มสยามไปตามเรื่อง
และเอาเข้าจริงๆ คำถามแบบนี้มันคือการเพลย์เซฟสำหรับเวทีทุกเวที ที่มันไม่สามารถวัดทัศนคติอะไรในตัวนางงามได้เลย กับความเป็น Miss Universe ที่บอกว่าอยากได้ Spokeperson อยากได้ผู้หญิงที่เป็นผู้นำทางความคิด เรากลับมาถามอะไรแบบนี้ ที่ผมต้องขอบอกแบบตรงไปตรงมาว่ามันวัดอะไรไม่ได้เลย นอกจากเหมือนกับว่าจะวัดว่า คนตั้งคำถามฉลาดนะหลอกล่อนางงาม
ซึ่งเอาจริงๆ เราวัดได้อย่างเดียวคือนางงามมีสติในการตอบคำถามอย่างเดียว และสุดท้ายคอนเทนท์คำตอบของนางงามทั้งสามคนมันก็ไม่ได้รู้สึกว่าสามสาวงามจะได้แสดงความฉลาดอะไรให้สังคมได้รู้สึกว่าผู้หญิงทั้งสามคนนี้สามารถ Empowed ได้เลย น่าเสียดายที่เวที Miss Universe พยายามอยากจะยกระดับผู้หญิงที่สามารถชี้นำและพอจะเป็นผู้นำหรือเป็นแรงบันดาลใจเป็นไอดอล แต่คำถามกลับไม่สามารถยกย่องและเชิดชูให้คนตอบสามารถแสดงความฉลาดได้เลย
เราไปดูการประกวดนางงามจักรวาล ที่เค้ากล้าแตะถึงเรื่องสังคม การเมืองเศรษฐกิจ และความขัดแย้งในทุกภาคส่วนที่เป็น Talk Of The Town เราอยากจะบอกให้ผู้หญิงมีความกล้าที่จะพูด แต่คำถามบนเวทีกลับเป็นคำถามที่อยู่ในความหวาดกลัว ไม่ทันโลกเลย เราอยากเห็นคำถามที่ว่าด้วยเรื่องราวในสังคมอย่างปัญหาโควิด ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง หรือเรื่องราวของเสรีภาพและความเหลื่อมล้ำในสังคม
แต่เราดันไม่เห็นในคำถามสุดท้าย ซึ่งเราต้องบอกว่ามันช่างน่าเสียดายเหลือเกิน คำถามมันแสดงถึงวิธีคิดและความคับแคบของคนตั้งคำถาม ผมม้นใจว่า ถ้าน้องๆสามคนนี้มีโอกาสได้แสดงวิสัยทัศน์เรื่องเกี่ยวกับสังคม พวกน้องๆจะสามารถโชว์ศักยภาพได้มากกว่านี้ แต่สุดท้ายสิ่งที่เราเห็นคือการที่เราได้เห็นนางงามตอบคำถามที่ไม่ฉลาดแบบคำถามนางงามเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน ซึ่งต่้องบอกเลยว่า โคตรน่าผิดหวัง!
ก่อนคนถามจะอวดฉลาด ต้องมีความฉลาดจริงๆ เสียก่อน
ในส่วนของผู้ชนะคือน้องอะแมนด้า เราไม่ติดอะไรนนะครับ เพราะภาพรวมทั้งหมดบนเวที แม้อะแมนด้าจะไม่มีโอกาสได้ตอบคำถามออกมาดีนัก แต่เราก็ต้องยอมรับว่าในหลายๆรอบ อะแมนด้าคือคนที่มีข้อบกพร่องน้อยที่สุดและเป็นผู้ชนะจริงๆ ผมเองก็ขออวยพรให้อะแมนด้าเอาชัยชนะกลับมานะครับ แต่ในส่วนของคำถามปีหน้า ผมอยากเห็นคำถามที่สามารถเปิดโอกาสให้นางงามแสดงวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำได้มากกว่านี่นะครับ เราอยากได้คำถามที่แสดงออกถึงความฉลาดของนางงามนะครับ ไม่ใช่คำถามที่อยากจะแสดงถึงความฉลาดของคนถามแบบนี้
ปีนี้ว่ากันใหม่ละกันครับ..."