ตำรวจเตือน! พัสดุเรียกเก็บเงินปลายทาง โทษหนักจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. และ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าว ผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนหนึ่งได้รับพัสดุเรียกเก็บเงินปลายทาง ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้สั่งซื้อสินค้าดังกล่าว ว่า
การกระทำในลักษณะดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำความผิดในรูปแบบใหม่เเต่อย่างใด เเต่เป็นการกระทำความผิดที่มีมานานเเล้ว โดยมิจฉาชีพจะทำการบรรจุสินค้าที่มีราคาต่ำแล้วส่งไปยังผู้รับตามที่อยู่ต่างๆ จำนวนมาก เมื่อสินค้าไปถึงผู้รับ ผู้รับบางรายไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน ยอมชำระเงินค่าสินค้าไป เพราะอาจจะเห็นว่าสินค้าไม่ได้ราคาสูงมาก และจำไม่ได้ว่าตน หรือคนในครอบครัวสั่งหรือไม่ เเต่เมื่อเปิดออกมาดูกลับพบว่าตนถูกหลอกลวงได้รับความเสียหาย
หากผู้รับหลงเชื่อว่าเป็นพัสดุของตนที่สั่งซื้อโดยมิได้ตรวจสอบและได้ชำระเงินค่าสินค้า การกระทำดังกล่าวผู้ส่งอาจจะเข้าข่ายมีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญ และตระหนักถึงภัยจากอาชญากรรมทางออนไลน์ จึงได้กำชับสั่งการให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการในการป้องกัน สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน หรือผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ให้ถูกลอกหลวงจากผู้ที่ฉวยโอกาสในการกระทำความผิด
รอง โฆษก ตร. และ โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่าขอฝากประชาสัมพันธ์และเตือนไปยังพี่น้องประชาชน หากได้รับพัสดุในลักษณะดังกล่าวให้ทำการตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าตน หรือบุคคลในครอบครัวได้สั่งสินค้าจริงๆ หรือไม่ ถ้าสั่งมา สินค้าที่สั่งมามีราคาเท่าใด พร้อมตรวจสอบว่ามีการระบุชื่อผู้ส่ง หรือแหล่งที่มาหรือไม่ หากระบุมาควรนำไปค้นหาในเว็บไซต์ก่อนว่ามีประวัติการหลอกลวงหรือไม่ หากเข้าข่ายมีพิรุธต้องสงสัย ให้ปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้านั้นไป อย่าได้หลงเชื่อเป็นอันขาด และควรถ่ายรูปกล่องพัสดุให้ครบทุกด้าน เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป