รีเซต

"CGSI" คาดสินเชื่อ 4Q68 จ่อฟื้น แต่ภาพรวมปี 68-69 ติดลบ มองแบงก์เสี่ยง NPL ดอกเบี้ยขาลง

"CGSI" คาดสินเชื่อ 4Q68 จ่อฟื้น แต่ภาพรวมปี 68-69 ติดลบ มองแบงก์เสี่ยง NPL ดอกเบี้ยขาลง
TNN ช่อง16
10 พฤศจิกายน 2568 ( 14:56 )
16

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 4/68 ชี้ว่า สินเชื่อภาคธุรกิจน่าจะขยายตัวสูงขึ้น qoq โดยความต้องการสินเชื่อทั้งในธุรกิจขนาดใหญ่และ SME มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่ต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุน ส่วน SME ต้องการสินเชื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

นอกจากนี้ ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อรถจากมาตรการส่งเสริมการขายของผู้ผลิตรถยนต์ และการจัดงาน Thailand International Motor Expo ในเดือนธ.ค.68 ขณะที่ความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบัตรเครดิตในไตรมาส 4/68 น่าจะทรงตัว qoq

อย่างไรก็ตาม แม้ความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กลุ่มธนาคารมีสินเชื่อขยายตัวสูงขึ้น แต่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 68/69/70 อยู่ที่ -3.3%/+1.1%/+2.0% ทั้งนี้ สินเชื่อรวมช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ลดลง 3% จากสิ้นปี 67

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากการสำรวจแสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินน่าจะมีมาตรฐานการให้สินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับลูกค้า SME ในไตรมาส 4/68 แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ไตรมาส 4/67 โดยมองว่าผู้ให้บริการสินเชื่อระมัดระวังการปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้า SME เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายมีความเปราะบางในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำ

อย่างไรก็ตาม ธนาคารเชื่อว่าคุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่จะดีขึ้น qoq หลังมีต้นทุนการกู้ยืมลดลง นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่ามาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนในไตรมาส 4/68 จะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า กระทรวงการคลังและธปท. เตรียมเปิดตัวโครงการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนด้วยการซื้อหนี้ NPL ของสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันที่มีวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท/รายจากธนาคารพาณิชย์, ธนาคารรัฐและบริษัทลูกของธนาคาร โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ซื้อหนี้ NPL รวม 1.9 ล้านรายและกำหนดงบประมาณในเฟสแรกไว้ 4.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่เชื่อว่าโครงการน่าจะเสร็จสมบูรณ์ในครึ่งปีแรก 69 โครงการนี้จะช่วยลด NPL ในงบดุลของธนาคารและเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่ประสบปัญหาล้างประวัติการผิดนัดชำระหนี้ในระบบของเครดิตบูโร

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มธนาคารไทย เพราะมองว่ากลุ่มนี้ขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น แต่ยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ปัจจุบันกลุ่มธนาคารซื้อขายอยู่ที่ P/BV 0.68 เท่าในปี 69 หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตห้าปีที่ 0.64 เล็กน้อย ขณะที่เลือก SCB และ KTB เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มนี้ เนื่องจากธนาคารทั้งสองแห่งน่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 6.3-9.6% ต่อปีในปี 69-70

อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารจะมี downside risk หาก NPL เพิ่มสูงขึ้นและธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ส่วน upside risk จะมาจากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการบริโภค รวมถึงภาษีสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดและการเปิดประมูลโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง