รีเซต

นายกฯ ยืนยัน ไม่มีแผนยกเลิก! พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พร้อมปรับมาตรการตามสถานการณ์

นายกฯ ยืนยัน ไม่มีแผนยกเลิก! พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พร้อมปรับมาตรการตามสถานการณ์
77ข่าวเด็ด
31 มีนาคม 2563 ( 10:01 )
42
นายกฯ ยืนยัน ไม่มีแผนยกเลิก! พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พร้อมปรับมาตรการตามสถานการณ์

กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี เผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี สั่งทบทวนมาตรการ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยจะปรับจากเบาไปหาหนักตามสถานการณ์ เล็งลด/ระงับบริการขนส่งสาธารณ

วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีการทบทวนมาตรการของ พระราชกำหนดว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจะมีการยกระดับความเข้มข้นของมาตรการไปตามลำดับของสถานการณ์ ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณามาตรการที่สามารถผ่อนผันได้ หรือเข้มงวดมากขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอำนาจพิจารณาปิดการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่จังหวัด ที่มีผู้ติดเชื้อและมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการปิดร้านค้า สนามกีฬา สถานบันเทิง และเข้มงวดการเล่นพนัน หากพบผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย หากพบเห็นร้านค้าและผู้ประกอบการใดกระทำความผิด เช่น ปรับราคาสินค้าสูงขึ้น สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่จุดตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ จะมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไกล่เกลี่ยในเบื้องต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลจำเป็นจะต้องดูผลกระทบ ทั้งการเดินทางออกต่างจังหวัดหรือนอกเขตพื้นที่ รวมทั้งการปิดบริการของร้านค้า ร้านอาหาร โดยได้สนับสนุนบริการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี เพื่อลดการเดินทางออกนอกที่พักของประชาชน ซึ่งมีการตรวจคัดกรองโรคผู้ที่ส่งอาหารด้วย

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ดูแลการให้บริการรถขนส่งสาธารณะ ที่จะลดหรืองดการบริการต่อไป เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อไวรัส จากการเดินทางของคนจำนวนมาก พร้อมแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยในการขับขี่ ช่วงที่มีการสัญจรเบาบาง โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม จัดทำป้ายเตือน ป้ายบังคับต่าง ๆ ให้ชัดเจนเพื่อลดอุบัติเหตุด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย ทั้งผู้ที่มีใบอนุญาตทำงาน และผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง จะต้องเข้ารับการบันทึกข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยจะต้องมีการเฝ้าระวังสังเกตอาการก่อน 14 วัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังภูมิลำเนาต่าง ๆ

ส่วนพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็นการตักบาตร ทำบุญ สวดมนต์ ขอความร่วมมือให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เน้นการเว้นระยะห่างทางสังคม กำหนดจำนวนของคนเพื่อไม่ให้มีความแออัด และขอให้ทุกหน่วยงานราชการ เอกชน ช่วยกันจัดทำมาตรการเพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19

ข่าวที่เกี่ยวข้อง