มองหุ้นสหรัฐปฏิเสธไม่ลง อีสท์สปริงชี้ครึ่งหลังเอเชีย
![มองหุ้นสหรัฐปฏิเสธไม่ลง อีสท์สปริงชี้ครึ่งหลังเอเชีย](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/08/18/15980f10-e133-11ea-8e82-0b494f6be91c_original.jpg)
#บลจ.อีสท์สปริง#ทันหุ้น- บลจ.อีสท์สปริง ฉายภาพลงทุน มองครึ่งปีแรกเม็ดเงินไหลหุ้นสหรัฐ หน้าตาเศรษฐกิจยังออกมาสดใส เงินออมสูง นโยบายทรัมป์หนุน ในครึ่งปีหลังคาดกระจายเม็ดเงินเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ EMอย่างเอเชีย ยังเชื่อจีนแกร่ง ส่วนเวียดนาม อินเดีย ยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟากเอเชีย
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังคงโดดเด่นและน่าสนใจในครึ่งแรกของปี 2568 เพราะอัตราว่างงานยังอยู่ระดับต่ำ เงินเฟ้อก็ชะลอตัวลง ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเป็นเศรษฐกิจเติบโตแบบช้าลง หรือ Soft Landing และยังมีโอกาสที่จะเป็นแบบ No Landing ด้วย
*เงินออมระดับสูง
“การบริโภคในประเทศของสหรัฐยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เรายังเห็นตัวเลขการออมของสหรัฐยังคงสูงอยู่ คิดเป็นสัดส่วนราว 1ส่วน 4 ของจีดีพีสหรัฐ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยแม้เป็นขาลงก็ยังคงตัวอยู่ในระดับสูง ที่ 4.25%ทำให้เงินออมดังกล่าวไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้ผลตอบแทนที่ระดับ 4% ต่อปีแล้ว แถมสหรัฐไม่ต้องออกแรงอะไรมาก การออมในระดับสูงก็ช่วยปั๊มจีดีพีแล้วถึง 1%”
นายยิ่งยง ในส่วนของนโยบายทรัมป์ ก็ยังเป็นที่จับตาถึงผลกระทบ แม้ว่าตลาดจะมองว่า การมาของทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่จริงๆ แล้วนโยบายของทรัมป์นั้นค่อนข้างชัดและแน่นอนตั้งแต่ช่วงหาเสียง ไม่ว่าจะเรื่องของกำแพงภาษี (Tariff) การลดภาษีนิติบุคคลให้กับบริษัทของสหรัฐ การผลักดันคนต่างด้าวออกนอกประเทศ เป็นต้น ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ทรัมป์ชัดเจตั้งแต่แรก
“เราเห็นชัดว่า นโยบายรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่สนับสนุนการเติบโตระยะสั้น และสนับสนุนแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าในระยะกลาง รวมทั้งจะทำให้เกิดเงินเฟ้อมากขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่เงินเฟ้อจะไม่ปรับขึ้นได้ แต่โอกาสน้อยมากนั้นหมายถึง ผู้ประกอบการของสหรัฐสามารถปรับฐานการผลิตได้ คุมต้นทุนการผลิตได้ เพิ่มผลผลิต หรือ Productivity ได้มาก เป็นต้น ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นตลาดจึงประเมินว่าสหรัฐมีโอกาสที่เงินเฟ้อจะปรับเพิ่มขึ้น และปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ช้าลง ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนได้”
นายยิ่งยง มองว่า ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ยังคงยากที่จะคาดเดาและหลายประเด็น เช่นในเรื่องของการกำแพงภาษี ในส่วนของจีนที่พูดไว้ 60%ก็ปรับขึ้นเพียง 10%ในบางรายการ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการต่อรองมากกว่าจะขึ้นจริง
*มั่นใจตลาดเอเชีย
อย่างไรก็ตาม บลจ.อีสท์สปริง มองว่า ในเอเชียและตลาดเกิดใหม่ (EM) มีความดึงดูดในแง่ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว ซึ่งนำโดย จีน เวียดนาม อินเดีย รวมถึงปัจจัยขับเคลื่อนในระยะยาวยังคงอยู่ เช่น การใช้จ่ายเงินทุนที่เพิ่มขึ้น การลดการปล่อยคาร์บอน และการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานน่าจะช่วยยกระดับรายได้ของบริษัทจดทะเบียน
“ในช่วง 2-3 ปีนี้เม็ดเงินไหลไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดของประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) แต่เมื่อเทียบกับโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลาดเกิดใหม่ EMอย่างเอเชียก็ยังเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้มากกว่าในระยะถัดไป เพราะไม่ว่า จีน เวียดนาม อินเดีย ต่างก็เดินหน้าขับเคลื่อนจีดีพีที่ระดับ 5%ในขณะที่สหรัฐอยู่ระดับ 2% กว่า ดังนั้นในมุมของโอกาสทางการลงทุน เรายังคงมองเอเชียน่าสนใจ”
นายยิ่งยง มองว่า ครึ่งปีแรกเม็ดเงินลงทุนอาจยังเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ในครึ่งปีหลังอาจกระจายมาลงทุนในตลาด EM บ้าง ส่วนหนึ่งเพราะหลายตลาดมีราคาที่ยังถูก เมื่อเทียบกับหุ้นสหรัฐที่ขึ้นไปสูงแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว อีกทั้งเรื่องของกลุ่มเทค หุ้นกลุ่ม AIก็ปรับตัวขึ้นมาสูง และยังมีประเด็นจาก DeepSeek ที่มีต้นทุนผลิตที่ต่ำกว่าเทคหลายค่ายในสหรัฐ