รีเซต

ส่อง KTB เปิดมุมมอง 6 โบรกฯ เชียร์ซื้อ

ส่อง KTB เปิดมุมมอง 6 โบรกฯ เชียร์ซื้อ
ทันหุ้น
23 สิงหาคม 2565 ( 15:55 )
212
ส่อง KTB เปิดมุมมอง 6 โบรกฯ เชียร์ซื้อ

#KTB #ทันหุ้น - 6 โบรกเกอร์ แนะนำ "ซื้อ" หุ้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB แนวโน้ม 2H65 ยังดีต่อเนื่อง และราคาหุ้นมี Upside ประเมินพื้นฐาน 17.70-21.00 บาท

 

**KTB มุมมอง บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) สํารองจะทรงตัวในระดับต่ำ

 

ปรับเพิ่มประมาณการกําไรปี FY65-67 ขึ้น 14-24% เนื่องจากปรับลดสมมติฐาน credit cost ปี 2565-2567 ลงจากเดิมที่ 120bps เหลือ 85-90bps หลังจากที่ตัวเลขใน 1H65 ออกมาดีเกินคาด ทําให้คาดว่า ECL จะยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง หลังคุณภาพสินทรัพย์ค่อนข้างทรงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสัดส่วน loss coverage สูงเกินช่วงเป้าหมายของธนาคารแล้ว คงคําแนะนํา “ซื้อ” สําหรับ KTB ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 21 บาท

 

**KTB มุมมอง บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น

 

คงมีมุมมองเชิงบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ และคาดว่าต้นทุนสินเชื่อที่ลดลงจะช่วยหนุนกำไรให้เติบโต 46% ในปีนี้ แนะนำ “ซื้อ” เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 19 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 0.7 เท่า ROE 8.3%) จาก 18 บาท หลังปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 65-66 ขึ้น 8-10% จาก NIM ที่สูงขึ้นและต้นทุนเครดิตที่ลดลง ช่องว่างของราคาหุ้นกับธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ น่าจะแคบลงเนื่องจากการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่ง มองว่าราคาหุ้น KTB น่าสนใจ ซื้อขายที่ PBV ปี 65 ที่ 0.6 เท่า และ PER 7 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ PBV ปี 65 ที่ 0.8 เท่า และ PER 9 เท่า เลือก KTB เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มแบงก์

 

**KTB มุมมอง บล.ทิสโก้ จำกัด แนวโน้มดี ปรับมูลค่าเหมาะสมขึ้น

 

ฝ่ายบริหารมีคำแนะแนวที่ค่อนข้างเป็นบวก ทั้งการควบคุมต้นทุนเครดิตให้ได้เท่ากับ 1H65 และ cost to income (ลดลงมาเหลือราว 40%-45%) รวมถึงรายได้ และการฟื้นตัวในปีนี้ สินเชื่อ (ไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ) เติบโต +6.5% yoy ใน Q2 (+2.5%YTD) และคาดจะขยายตัว +4-5% yoy ในปีนี้ (vs. ก่อนหน้าที่ +3-4%yoy) ตามคาด

 

ปรับกำไรและมูลค่าเหมาะสมขึ้น ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการตามคำแนะแนว และลดต้นทุนเครดิตลง 20bps เหลือ 90bps ลดค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองลง 2.43 หมื่นลบ. และลด OPEX growth ลง -0.4%yoy คิดเป็น CIR ratio 42.7% รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ ใน 1H65 แล้ว ทำให้ปรับกำไรสุทธิขึ้น 20.8%, 18.8%, และ 16.6% คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมใหม่ 18.5 บาท จาก 15 บาท

การฟื้นตัวดูดี และคาดกำไรดีขึ้นต่อจากแนวโน้มกลุ่มธนาคารในด้านคุณภาพสินทรัพย์, การเติบโตของ OPEX ที่ทรงตัวขึ้น และ ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำ “ซื้อ”

 

**KTB มุมมอง บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก

 

กำไร Q2/65 ถือว่าโตโดดเด่น +39% YoY ได้สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ บวกสินเชื่อรายย่อยหนุน พร้อมปรับเป้าสินเชื่อโต 4-5% หลังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะคงเป้าอื่นๆ คาดทำได้ตามเป้า ปรับประมาณการกำไรปี 65 ขึ้น หลัง 1H65 ทำได้ดีกว่าคาดมาก คาดกำไรโตสูงถึง 52% YoY กลับไปสูงกว่าระดับ Pre-Covid ได้แล้ว ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 18.40 บาท สะท้อนกำไรที่โตดีขึ้น ราคาหุ้นยังมี upside 14% แนะนำ “ซื้อ”

 

**KTB มุมมอง บล.เอเซีย พลัส เรียบง่าย แต่ไม่ธรรมดา

 

ฝ่ายวิจัยมองบวกจากการเพิ่มเป้าหมายสินเชื่อปี 2565 กอปรกับแนวโน้ม ECL งวด 2H65 ไม่แตกต่างอย่างมีนัยฯ จาก 1H65 หลัง คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในการบริหารจัดการ สะท้อนผ่าน Coverage Ratio ณ สิ้น งวด Q2/65 ที่ 167.5% เทียบกับ Pre-COVID ที่ราว 130% ภาพดังกล่าวทําให้แนวโน้มกําไร 2H65 รวมถึงทั้งปี อาจดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด

 

คงคําแนะนํา ซื้อ จากแนวโน้มกําไรสุทธิปี 2565 เติบโตเด่นสุดในกลุ่มฯ กอปรกับคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับ ธ.พ. ใหญ่อื่น ทําให้หากดอกเบี้ย M-Rate ขึ้น น่าจะได้ประโยชน์กว่า ธ.พ. ใหญ่อื่น ส่วนในเชิง Valuation ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV เพียง 0.61 เท่า และ PER ที่ 7.7 เท่า มองว่าไม่แพง พร้อมคาด Divyield 4.6% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง) อีกทั้งโอกาสจากการต่อยอดฐานข้อมูลและสร้างรายได้จาก APP เป๋าตัง เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ประเมินราคาเป้าหมาย 18 บาท

 

**KTB มุมมอง บล.ทรีนีตี้ จํากัด แนวโน้มผลประกอบการ 2H65 ยังสดใส

 

ผู้บริหารชี้แจงถึงมุมมองของธนาคารที่มีต่อเศรษฐกิจ แนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคต โดยประเด็นสำคัญ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดโดยเฉพาะในด้านของการท่องเที่ยว ทำให้สินเชื่อของธนาคาร (ไม่นับรวมสินเชื่อภาครัฐ) ทั้งปีอาจโตได้ดีกว่าคาดไว้เดิมที่ 3-4% ได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเติบโตในส่วนสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อย ซึ่งสัดส่วนสินเชื่อที่เปลี่ยนแปลงจะส่งผลบวกต่อ NIM ด้วยเช่นกัน

 

ด้านการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยทั้งปีอาจทรงตัวหรือเติบโตได้เล็กน้อย ซึ่งใน 2H65 อาจต้องเห็นการเติบโตที่เร่งตัวขึ้น หลังใน 1H65 เติบโตติดลบไปแล้ว อย่างไรก็ตามการเติบโตดังกล่าวต้อง ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดฯ และการลงทุนด้วย ด้าน NPL มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทั้งปีอาจทำได้ดีกว่าเป้าที่ธนาคารวางไว้ที่ 3.5% ได้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ใน 2H65 อาจยังใกล้เคียงกับ 1H65 (สารองหนี้ 1H65 อยู่ที่ 11,139 ล้านบาท ลดลง 31%YoY) ทำให้ NPL Coverage Ratio ยังอยู่ในระดับสูงราว 170% ได้

 

อาจต้องปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 65 คาดการณ์กำไรปี 65 ไว้ที่ 30,656 ล้านบาท (+42%YoY) โดยกำไรงวด 1H65 คิดเป็นราว 56% ของประมาณการทั้งปี โดยจากการประชุมนักวิเคราะห์ มองว่ากำไร 2H65 อาจทรงตัว หรือ ดีขึ้นจาก 1H65 เล็กน้อย ทำให้อาจต้องปรับเพิ่มประมาณการได้ในอนาคต อย่างไรก็ตามยังคงจับตาดูแนวโน้มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจตลาดทุน ที่เผชิญแรงกดดันจากภาวะตลาดใน 1H65 และยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนใน 2H65

 

ให้ราคาเป้าหมาย 17.70 บาท อิง PBV 0.65 เท่า แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นสะท้อนผลประกอบการที่ดีใน 1H65 ไปบ้างแล้ว แต่แนวโน้ม 2H65 ยังดีต่อเนื่อง และราคาหุ้นยังพอมี Upside จึงคงคาแนะนำ “ซื้อ”  โดยมองความเสี่ยง คือ การเติบโตของเศรษฐกิจ / NIM / คุณภาพหนี้

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง