รีเซต

DTCENTโค้งสามปั๊มยอดโต ขนส่ง-โลจิสติกส์หนุนGPS

DTCENTโค้งสามปั๊มยอดโต ขนส่ง-โลจิสติกส์หนุนGPS
ทันหุ้น
28 กันยายน 2566 ( 11:18 )
2

DTCENT มองไตรมาส 3/66 ผลงานโตดีกว่าปีก่อน มองเปิดประเทศ เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัว หนุนอัตราการใช้งานบริการระบบ GPS Tracking ขยายตัว พร้อมปรับกลยุทธ์เชิงรุกขยายฐานลูกค้ารายย่อย-ยานยนต์ส่วนบุคคล หวังสร้างการเติบโตให้รายได้ในอนาคต มองปี 2567 มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้รวม มั่นใจรายได้ปี 2566 โตเข้าเป้า 10-15%

 

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2566 ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ส่งผลให้อัตราการใช้บริการในส่วนของบริการระบบ GPS Tracking ขยายตัวเพิ่มขึ้น

 

*กางแผนรุก

 

ประกอบกับมองว่าจากการที่รัฐบาลชุดใหม่มีแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจและโดยเฉพาะการท่องเที่ยว และเปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว 2 ประเทศ คือ จีน และคาซัคสถาน ให้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เชื่อว่าจะช่วยให้ความต้องการเดินทางท่องเที่ยว และการใช้รถขนส่งและโลจิสติกส์ที่เพิ่มมากขึ้น มองว่าก็จะส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจบริการระบบ GPS Tracking ของบริษัทอีกด้วย

 

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เชิงรุกใหม่ด้วยการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มรายย่อยและยานยนต์ส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมีแผนเปิดร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับป้องกันอุบัติเหตุและความปลอดภัยในยานยนต์เพิ่มมากขึ้น ภายในสิ้นปี 2566 คาดจะมีช็อปเปิดให้บริการไม่น้อยกว่า 8 สาขา และในช่วงกลางปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 15 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล และในหัวเมืองจังหวัดที่เป้นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

 

โดยภายในร้านจำหน่ายดังกล่าวจะมีผลิตภัณฑ์กล้องติดหน้าและหลังรถยนต์ บริการติดตั้ง รวมถึงให้บริการด้านประกันภัยต่างๆ ของพันธมิตรเข้าไปให้บริการร่วมด้วย นอกจากนี้ ด้วยร้านจำหน่ายที่กระจายไปในหัวเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ ยังช่วยประหยัดต้นทุนในการดูแลฐานลูกค้าเดิม และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงและการให้บริการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายจะมีรายได้จากช็อปคิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้รวม

 

"เรามองว่าธุรกิจและอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาส 3/2566 ยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลักๆ เป็นไปตามการเปิดประเทศ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและโดยเฉพาะการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ ทำให้อัตราการใช้บริการระบบ GPS Tracking ที่เพิ่มขึ้น หากว่าไม่มีปัจจัยภายในและนอกใหม่เข้ามากระทบก็เชื่อว่าในไตรมาส 4/2566 จะมีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการเติบโตของรายได้ปี 2566 เรายังคงมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 10-15% จากปีก่อน"นายทศพล กล่าว

 

*เริ่มเก็บผลผลิต

 

ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) วางแผนพัฒนาให้บริษัทเป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และการร่วมมือกับทาง บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) มองว่านอกจากจะเพิ่มอัตราการใช้บริการระบบที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้รับอานิสงส์การใช้บริการของคู่ค้าในอนาคตอีกด้วย คาดว่าจะเริ่มเห็นการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงปลายปี 2567 เป็นต้นไป

 

พร้อมกันนี้ บริษัทยังเดินหน้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน โดยการนำโมเดล ระบบ GPS Tracking และ IoT Solution ร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาทางธุรกิจ เบื้องต้นคาดว่าจะเห็นความชัดเจนไม่เกินปลายปี 2566 นี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจและมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ทั้งในรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) กับบริษัทที่มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่องในอนาคต

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง