หุ้นไทยช่วงบ่ายพุ่ง การเมืองชัดเจน หลังศาลรธน.รับคำร้อง สั่งนายกหยุดปฏิบัติหน้าที่

#ทันหุ้น-ดัชนีตลาดหุ้นภาคบ่ายดัชนีปรับตัวขึ้นแรง หลังจากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของสว.ที่ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียสนทนากับนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยศาลมีมติโดยเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ออกคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย 

ดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,103.40 จุด บวก 13.84 จุด หรือ 1.27% ระหว่างวันดัชนีได้ปรับขึ้นมาสูงสุดที่ 1,109.12 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 26,524.73 ล้านบาท 

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด  เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากกรณีนายกรัฐมนตรีถูกสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ ในทางกลับกันเชิงจิตวิทยาการลงทุนถือว่าเป็นบวกด้วยเพราะมีความชัดเจนเกิดขึ้นภายใต้ความกดดันทางการเมืองที่ลดลงผ่อนคลายบรรยากาศอึมครึมที่มีอยู่ค่อนข้างมากในประเด็นการเมืองก่อนหน้านี้และยังวิเคราะห์ว่าหากโครงสร้างรัฐบาลไม่เปลี่ยนมาก มีการสรรหาผู้มาทำหน้าที่แทนโดยอาจดึงตัวจากเป็นรองนายกฯ ที่มาจากขั้วรัฐบาลเดิม เช่น พรรคเพื่อไทย โครงสร้างโดยรวมของรัฐบาลก็จะยังคงเหมือนเดิม ย่อมหมายความว่านโยบายและการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ก็น่าจะดำเนินต่อไปได้ตามปกติ

 กลยุทธ์การลงทุนหากหุ้นปรับลงแรงสามารถซื้อสวนได้ในตัวที่พื้นฐานดีและที่ผ่านมาราคายังไม่ได้ปรับขึ้นมากในทุกกลุ่ม แต่กลุ่มที่น่าสนใจเป็นพิเศษได้แก่กลุ่มส่งออก เพราะมีสัญญาณว่ากำไรจากการส่งออกน่าจะดีขึ้น หรือนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงใดด้านการเมือง สามารถหันไปลงทุนในกลุ่มหุ้น Global Play ได้ ซึ่งเป็นหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจโลกหรือปัจจัยภายนอกประเทศจากผลดีความคืบหน้าเชิงบวกของสงครามการค้า  

 "หากเป็นกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานไม่แย่ มีค่า P/E ต่ำ และมีปัจจัยรองรับ ก็สามารถทยอยเข้าตั้งรับได้ สถานการณ์นี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด"นายวิจิตรกล่าว